หลายคนอาจรู้สึกว่าการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนั้นดูเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและน่ากังวล โดยเฉพาะ เมื่อต้องเริ่มต้น “วางแผนเที่ยว Tokyo” ซึ่งเป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่ที่มีรายละเอียดมากมาย ทั้งเรื่องการเดินทาง ที่พัก และการจัดตารางเวลาให้คุ้มค่าที่สุด บทความนี้คือคู่มือนักเดินทางมือใหม่ เราได้รวบรวมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนออกเดินทางไปจนถึงแจกแพลนเที่ยวแบบละเอียดวันต่อวันตลอด 5 วัน 4 คืน ที่อ้างอิงจากประสบการณ์จริง คุณจะได้พบกับ :
เตรียมตัวให้พร้อม! Checklist ก่อนลุย Tokyo หน้าหนาว
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปสัมผัสความหนาวที่โตเกียว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมตัว ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สนุกและตื่นเต้นไม่แพ้กัน วางแผนเที่ยว Tokyo ล่วงหน้าจะช่วยลดปัญหาเฉพาะหน้าและทำให้คุณใช้เวลาทุกนาทีในญี่ปุ่นได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เราได้รวบรวม Checklist ที่สำคัญมาให้คุณแล้วที่นี่!
ตั๋วเครื่องบินและที่พัก จองก่อน ได้เปรียบกว่า
สิ่งแรกที่ควรทำหลังจากได้วันลาพักร้อนที่แน่นอนแล้ว คือการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก เพราะสองสิ่งนี้มีผลอย่างมากต่องบประมาณโดยรวมของทริป

- ตั๋วเครื่องบิน :
- ช่วงเวลาจอง : แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 เดือนก่อนเดินทางเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด โดยเฉพาะหากคุณวางแผนจะเดินทางในช่วงพีคอย่างคริสต์มาสหรือปีใหม่
- สนามบิน : โตเกียวมี 2 สนามบินหลักคือ สนามบินนาริตะ (NRT) และสนามบินฮาเนดะ (HND)
- ฮาเนดะ (HND) : อยู่ใกล้ตัวเมืองโตเกียวมากกว่า เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกรวดเร็วและประหยัดกว่า แต่เที่ยวบินจากไทยอาจมีให้เลือกน้อยกว่า
- นาริตะ (NRT) : เป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ มีเที่ยวบินให้เลือกหลากหลายทั้งแบบ Full Service และ Low Cost แม้จะไกลกว่าแต่ก็มีการเดินทางเข้าเมืองที่สะดวกสบาย เช่น รถไฟ Narita Express และ Keisei Skyliner
- ที่พัก : การเลือกที่พักในทำเลที่ดีจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและพลังงานในการเดินทางไปได้มาก สิ่งสำคัญคือ “เลือกที่พักที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ” โดยเฉพาะสถานีที่อยู่ในสาย JR Yamanote Line (สายวงกลมสีเขียว) ซึ่งวิ่งผ่านย่านสำคัญ ๆ ของโตเกียวเกือบทั้งหมดย่านแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว :
- ชินจูกุ (Shinjuku) : ที่สุดของความสะดวกสบาย เป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุด มีรถไฟผ่านแทบทุกสาย หาของกินง่าย มีห้างสรรพสินค้าครบครัน และเป็นจุดขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปคาวากุจิโกะด้วย เหมาะสำหรับคนที่มาครั้งแรกและต้องการความสะดวกสบายสูงสุด
- อุเอโนะ (Ueno) : ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับสายประหยัด มีที่พักราคาไม่แพงให้เลือกเยอะ บรรยากาศไม่วุ่นวายเท่าชินจูกุ อยู่ใกล้สวนสาธารณะอุเอโนะ พิพิธภัณฑ์ และตลาด Ameyoko นอกจากนี้ยังเดินทางจากสนามบินนาริตะได้อย่างรวดเร็วด้วยรถไฟ Keisei Skyliner
- ชิบูย่า (Shibuya) : เหมาะสำหรับสายแฟชั่น คนที่รักความทันสมัยและแสงสียามค่ำคืน เป็นย่านที่เต็มไปด้วยพลังงาน มีแหล่งช้อปปิ้งและคาเฟ่เก๋ ๆ มากมาย
การเดินทางในโตเกียว บัตรใบเดียว เที่ยวทั่วเมือง
ระบบขนส่งสาธารณะของโตเกียวมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ก็อาจสร้างความสับสนให้มือใหม่ได้ในตอนแรก สิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นมีดังนี้ :

- บัตร IC Card (Suica / Pasmo) : เปรียบเสมือนบัตร Rabbit หรือ MRT บ้านเรา เป็นบัตรเติมเงินที่ใช้แตะเพื่อจ่ายค่าโดยสารรถไฟ, รถไฟใต้ดิน, รถบัส ได้แทบทุกสายในโตเกียวและทั่วญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังสามารถใช้จ่ายเงินในร้านสะดวกซื้อและตู้กดน้ำอัตโนมัติได้อีกด้วย “แนะนำอย่างยิ่งว่าต้องมี!” สามารถซื้อได้ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติในสนามบินและสถานีรถไฟใหญ่ๆ
- Tokyo Subway Ticket (24, 48, 72 ชั่วโมง) : บัตรเหมาสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินของ Tokyo Metro และ Toei Subway ได้ไม่จำกัดตามจำนวนชั่วโมงที่ซื้อ เหมาะมากสำหรับวันที่คุณวางแผนจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินหลายๆ ต่อ แต่อย่างไรก็ตาม บัตรนี้ “ไม่สามารถใช้กับรถไฟของ JR (เช่นสาย Yamanote) ได้” จึงควรวางแผนการเดินทางในแต่ละวันให้ดีว่าการเดินทางส่วนใหญ่อยู่ในเส้นทางรถไฟใต้ดินหรือไม่
อินเทอร์เน็ตสำคัญที่สุด อย่าให้ทริปสะดุด
ในยุคนี้ อินเทอร์เน็ตคือปัจจัยที่ขาดไม่ได้สำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ทั้งการใช้ Google Maps นำทาง, แปลภาษา, ค้นหาข้อมูลร้านอาหาร หรือติดต่อสื่อสาร ตัวเลือกยอดนิยมมี 2 แบบคือ :

- Pocket WiFi : เหมาะสำหรับคนที่เดินทางเป็นกลุ่มหรือมีอุปกรณ์หลายเครื่อง เพราะสามารถแชร์สัญญาณกันได้ มีแพ็กเกจแบบไม่จำกัดดาต้าให้เลือกเยอะ สามารถจองล่วงหน้าจากไทยและไปรับเครื่องที่สนามบินได้เลย
- SIM Card / eSIM : สะดวกสบายสำหรับคนที่เดินทางคนเดียวหรือไม่อยากพกอุปกรณ์เพิ่ม แค่เปลี่ยนซิมก็สามารถใช้งานได้ทันที ปัจจุบัน eSIM ได้รับความนิยมสูงมากสำหรับโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ เพราะสามารถติดตั้งได้ง่ายๆ ผ่าน QR Code โดยไม่ต้องถอดซิมเดิมออก
จัดกระเป๋าไปโตเกียวหน้าหนาว แต่งตัวอย่างไรให้อุ่นและชิค
อุณหภูมิในโตเกียวช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) จะอยู่ที่ประมาณ 2-12 องศาเซลเซียส อาจมีลมแรงและอากาศแห้งมาก เทคนิคสำคัญคือ “การแต่งตัวแบบเลเยอร์ (Layering)” ซึ่งหมายถึงการใส่เสื้อผ้าซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอุณหภูมิระหว่างวัน

- ชั้นในสุด (Base Layer) : เสื้อฮีทเทค (Heattech) หรือลองจอห์น ทั้งเสื้อแขนยาวและกางเกง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ช่วยกักเก็บความร้อนของร่างกายได้ดี
- ชั้นกลาง (Mid Layer) : เสื้อสเวตเตอร์, เสื้อไหมพรม, หรือเสื้อฟลีซ (Fleece) เพื่อเพิ่มฉนวนกันความหนาว
- ชั้นนอกสุด (Outer Layer) : เสื้อโค้ทหรือแจ็คเก็ตกันหนาวดีๆ สักตัว ควรมีคุณสมบัติกันลมและกันละอองน้ำหรือหิมะได้ (Water-resistant)
- เครื่องประดับกันหนาว : ผ้าพันคอ, หมวกไหมพรม, ถุงมือ เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ช่วยป้องกันส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ไวต่อความหนาว
- รองเท้า : เลือกรองเท้าที่ใส่สบายและเดินได้ทั้งวัน เช่น รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าบูทที่กันน้ำได้จะดีมาก และอย่าลืมถุงเท้าหนาๆ
- อื่น ๆ : ลิปมันและครีมทามือ/ทาผิว เพราะอากาศที่ญี่ปุ่นแห้งมาก
งบประมาณที่ต้องรู้ วางแผนการเงินคร่าว ๆ
การวางแผนงบประมาณจะช่วยให้คุณควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น นี่คือค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (ไม่รวมตั๋วเครื่องบินและที่พัก) :

- ค่าอาหาร : ประมาณ 4,000 – 6,000 เยน/คน/วัน (ประมาณ 1,000 – 1,500 บาท) สามารถประหยัดได้โดยการฝากท้องไว้กับร้านสะดวกซื้อ (Konbini) หรือร้านข้าวหน้าต่างๆ ที่มีราคาไม่แพง
- ค่าเดินทาง : ประมาณ 800 – 1,500 เยน/คน/วัน (ประมาณ 200 – 400 บาท) ขึ้นอยู่กับแพลนในแต่ละวัน
- ค่าเข้าชมสถานที่ : ตีไว้คร่าว ๆ 1,000 – 2,000 เยน/คน/วัน (ประมาณ 250 – 500 บาท)
- รวมค่าใช้จ่ายต่อวัน : ควรเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 6,000 – 9,000 เยน (ประมาณ 1,500 – 2,200 บาท) ต่อคนต่อวัน สำหรับค่ากิน ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายจิปาถะ ส่วนงบช้อปปิ้งนั้นให้แยกไว้ต่างหากตามความต้องการของแต่ละคน
วางแผนเที่ยว Tokyo 5 วัน 4 คืน
เมื่อเตรียมตัวทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาออกเดินทาง! แพลนการเดินทางนี้ถูกออกแบบมาสำหรับ 5 วัน 4 คืน โดยเน้นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยของเมืองใหญ่ วัฒนธรรมดั้งเดิม และการเดินทางออกไปชมธรรมชาติที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิ แพลนนี้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความสนใจและความเหนื่อยล้าในแต่ละวัน แต่รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสเสน่ห์ของโตเกียวในฤดูหนาวอย่างครบถ้วนแน่นอน
Day 1 : อุ่นเครื่องที่ชินจูกุ เดินทางถึงโตเกียว – ชมวิวฟรี – ตะลุยย่านแสงสี
ธีมของวัน : เดินทางถึงที่หมายอย่างราบรื่น, เริ่มต้นสำรวจย่านที่พัก และสัมผัสความยิ่งใหญ่ของมหานครโตเกียวยามค่ำคืน

ช่วงเช้า-บ่าย : การเดินทางสู่ที่พัก
ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะหรือฮาเนดะ ให้มุ่งหน้าไปยังที่พักในย่านชินจูกุ (Shinjuku) เพื่อเช็คอินและเก็บสัมภาระให้เรียบร้อยก่อน
- จากสนามบินนาริตะ (NRT) : ตัวเลือกที่สะดวกที่สุดคือรถไฟ Narita’ Express (N’EX) ซึ่งจะวิ่งตรงมายังสถานี Shinjuku ใช้เวลาประมาณ 90 นาที
- จากสนามบินฮาเนดะ (HND) : สามารถนั่งรถไฟสาย Keikyu Line เข้ามาต่อรถไฟสาย JR Yamanote Line ที่สถานี Shinagawa เพื่อมาลงที่สถานี Shinjuku ได้อย่างง่ายดาย
หากคุณเดินทางมาถึงก่อนเวลาเช็คอินของโรงแรม ส่วนใหญ่สามารถฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่ล็อบบี้ได้ จากนั้นก็ออกไปหาอะไรง่าย ๆ ทานรองท้อง เช่น ข้าวปั้นโอนิกิริ หรือแซนด์วิชอร่อย ๆ จากร้านสะดวกซื้อ (Konbini) เพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน
ช่วงเย็น (16:00 น. เป็นต้นไป) : ชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ Tokyo Metropolitan Government Building
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมแรกของเราคือการไปชมวิวเมืองโตเกียวแบบพาโนรามาที่อาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Shinjuku
- จุดเด่น : จุดชมวิวที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรี! และในวันที่อากาศดีของฤดูหนาว คุณมีโอกาสสูงมากที่จะได้เห็นเงาของภูเขาไฟฟูจิ ตัดกับแสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน เป็นภาพที่น่าประทับใจและเป็นการเริ่มต้นทริปที่สมบูรณ์แบบ
- การเดินทาง : สามารถเดินเท้าจากสถานี Shinjuku ฝั่ง West Exit ประมาณ 10-15 นาที
ช่วงค่ำ (19:00 น. เป็นต้นไป) : ดินเนอร์บรรยากาศเก่า ๆ และสำรวจย่านคาบุกิโจ
เมื่อฟ้ามืด ชินจูกุจะเผยอีกด้านที่เต็มไปด้วยแสงสีและชีวิตชีวา
- อาหารค่ำ : แนะนำให้ไปฝากท้องที่ ตรอก Omoide Yokocho (Memory Lane) ตรอกเล็ก ๆ ที่ยังคงกลิ่นอายของยุคโชวะเอาไว้ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอิซากายะ (ร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น) และร้านยากิโทริ (ไก่ย่างเสียบไม้) ขนาดจิ๋วที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง การได้นั่งทานไก่ย่างร้อน ๆ คู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ ในบรรยากาศแบบนี้ท่ามกลางอากาศหนาว เป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ
- เดินสำรวจ : หลังจากอิ่มแล้ว ลองเดินไปชมความสว่างไสวของป้ายไฟนีออนที่ย่านคาบุกิโจ (Kabukicho) ซึ่งเป็นย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ใหญ่ที่สุดของโตเกียว และไม่พลาดที่จะแวะถ่ายรูปกับป้ายแมวยักษ์ 3 มิติ ที่โด่งดังบริเวณตึก Cross Shinjuku Vision
Day 2 : ย้อนเวลาสู่โตเกียวยุคเก่า ไหว้พระวัดดัง – เดินเล่นตลาดสด
ธีมของวัน : สัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของโตเกียวในย่านอาซากุสะและอุเอโนะที่เต็มไปด้วยเสน่ห์

ช่วงเช้า (09:00 น.) : วัดเซ็นโซจิ (Senso-ji Temple), อาซากุสะ
เริ่มต้นวันที่สองด้วยการเดินทางไปยังย่านที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว
- การเดินทาง : จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟสาย JR Chuo Line (สีส้ม) ไปลงที่สถานี Kanda แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza Line (สีส้มอ่อน) ไปลงที่สถานี Asakusa
- กิจกรรม :
- ถ่ายรูปกับแลนด์มาร์ค “โคมแดงยักษ์” ที่ประตูคามินาริมง (Kaminarimon Gate)
- เดินชิมของว่างและเลือกซื้อของฝากน่ารัก ๆ ตลอด ถนนนากามิเสะ (Nakamise-dori) ที่ทอดยาวไปยังตัววัด ขนมแนะนำคือ อะเกะมันจู (ซาลาเปาทอด) และเซมเบ้ (ข้าวเกรียบ)
- เข้าไปไหว้พระขอพรองค์เจ้าแม่กวนอิมในวิหารหลักของ “วัดเซ็นโซจิ” และลองเสี่ยงเซียมซี (Omikuji) ดูสักครั้ง
ช่วงบ่าย (13:00 น.) : เดินเล่นตลาด Ameyoko, อุเอโนะ
หลังจากอิ่มบุญและอิ่มท้องกันแล้ว เราจะเดินทางต่อไปยังย่านที่คึกคักและมีชีวิตชีวาอย่างอุเอโนะ
- การเดินทาง : จากสถานี Asakusa นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza Line ไปลงที่สถานี Ueno เพียงไม่กี่สถานี
- กิจกรรม : ดำดิ่งสู่บรรยากาศของตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market) ตลาดกลางแจ้งที่อัดแน่นไปด้วยร้านค้าสารพัดชนิด ทั้งร้านขายของสด อาหารทะเล ขนมของฝากราคาถูก (โดยเฉพาะช็อกโกแลตและชาเขียว) เครื่องสำอาง เสื้อผ้า และร้านอาหารริมทางมากมาย เป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการหาของกินมื้อกลางวันและซื้อของฝากในราคาประหยัด
ช่วงเย็น (16:00 น.) : เดินเล่นสวนสาธารณะอุเอโนะ
ใกล้ ๆ กับตลาด Ameyoko คือที่ตั้งของสวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park) สวนขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนโอเอซิสใจกลางเมือง แม้ในฤดูหนาวต้นไม้จะผลัดใบ แต่บรรยากาศก็ยังคงเงียบสงบ เหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ หากมีเวลาเหลือและเป็นสายศิลปะ ในบริเวณสวนยังมีพิพิธภัณฑ์ชื่อดังหลายแห่ง เช่น Tokyo National Museum และ Tokyo Metropolitan Art Museum ให้ได้เลือกเข้าชมอีกด้วย
Day 3 : ตะลุยคาวากุจิโกะ One Day Trip ตามล่าหาฟูจิซัง
ธีมของวัน : ออกนอกเมืองเพื่อไปชมความงามของภูเขาไฟฟูจิ สัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของทริปนี้!

เช้าตรู่ (ประมาณ 07:00 – 08:00 น.) : ออกเดินทางสู่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
วันนี้เราต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อเดินทางไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) จังหวัดยามานาชิ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยและเดินทางสะดวกที่สุด
- การเดินทาง (แนะนำ) : วิธีที่ง่ายและคุ้มค่าที่สุดคือการนั่งรถบัสทางไกล (Highway Bus) จากสถานี Busta Shinjuku (สถานีขนส่งซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ JR Shinjuku ฝั่ง South Exit) รถจะวิ่งตรงถึงสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
- เคล็ดลับสำคัญ : ควรจองตั๋วรถบัสล่วงหน้าผ่านทางออนไลน์! โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยวและวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะตั๋วมักจะเต็มเร็วมาก การจองล่วงหน้าจะช่วยการันตีว่าคุณมีที่นั่งและสามารถออกเดินทางได้ตามแผนที่วางไว้
ตลอดวัน (10:00 น. – 16:00 น.) : สำรวจรอบทะเลสาบ
เมื่อเดินทางถึงสถานี Kawaguchiko สิ่งแรกที่ควรทำคือการซื้อ Kawaguchiko Sightseeing Bus Pass (สายสีแดง) ซึ่งเป็นบัตรรถบัสแบบเหมาที่สามารถขึ้น-ลงตามป้ายต่างๆ รอบทะเลสาบได้ไม่จำกัด ช่วยให้การท่องเที่ยวสะดวกสบายมาก
จุดท่องเที่ยวห้ามพลาด :
- Mt. Fuji Panoramic Ropeway (กระเช้า Kachi Kachi) : ขึ้นกระเช้าไปยังจุดชมวิวด้านบนภูเขา Tenjo คุณจะได้เห็นวิวของทะเลสาบคาวากุจิโกะเบื้องล่างโอบล้อมด้วยภูเขา และมีภูเขาไฟฟูจิตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เป็นภาพที่งดงามจนลืมหายใจ
- Oishi Park : เป็นจุดชมวิวฟูจิยอดนิยมอีกแห่ง ในฤดูหนาวอาจไม่มีทุ่งดอกไม้หลากสีสันเหมือนฤดูอื่น แต่ข้อดีคือท้องฟ้าที่ใสและอากาศที่แห้งจะทำให้คุณเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจนและสวยงามที่สุด
- มื้อกลางวัน : ต้องลองชิมเมนูเด็ดประจำท้องถิ่นอย่าง “โฮโต (Hoto Fudo)” เป็นเมนูอุด้งเส้นแบนในซุปมิโสะรสชาติกลมกล่อมที่เต็มไปด้วยฟักทองและผักต่างๆ การได้ซดซุปร้อนๆ ท่ามกลางอากาศหนาว ๆ พร้อมชมวิวฟูจิไปด้วย คือที่สุดของประสบการณ์
- เจดีย์แดงชูเรโต (Chureito Pagoda) : (สำหรับคนที่มีเวลาและพลังงานเหลือ) ภาพของเจดีย์ 5 ชั้นสีแดงกับฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิคือภาพจำของญี่ปุ่นที่หลายคนคุ้นตา การเดินทางต้องนั่งรถไฟสาย Fujikyu Railway จากสถานี Kawaguchiko ไปลงที่สถานี Shimoyoshida แล้วเดินขึ้นบันไดต่อไปอีกประมาณ 400 ขั้น แม้จะเหนื่อยแต่คุ้มค่ากับการได้เห็นวิวระดับโปสการ์ดด้วยตาตัวเอง
ช่วงเย็น (17:00 น. เป็นต้นไป) : เดินทางกลับสู่ชินจูกุ
เดินทางกลับมายังสถานี Kawaguchiko เพื่อขึ้นรถบัสรอบเย็นกลับสู่ชินจูกุ (ควรตรวจสอบเวลารถบัสรอบสุดท้ายและจองตั๋วขากลับไว้ล่วงหน้า) เมื่อถึงชินจูกุแล้ว ก็สามารถหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานเป็นมื้อค่ำก่อนกลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนเตรียมแรงสำหรับวันต่อไปได้เลย
Day 4 : ตะลุยย่านยอดนิยม แวะสัมผัสความสงบ-แฟชั่นจัดจ้าน-แยกที่วุ่นวายที่สุดในโลก
ธีมของวัน : ดื่มด่ำกับความแตกต่างอย่างสุดขั้วของโตเกียว จากความเงียบสงบในศาลเจ้าใจกลางป่า สู่ถนนแฟชั่นของเหล่าวัยรุ่น และปิดท้ายด้วยภาพความวุ่นวายอันเป็นระเบียบของแยกชิบูย่า

ช่วงเช้า (09:00 น.) : สงบจิตใจที่ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu Shrine)
เริ่มต้นวันที่ 4 ด้วยการเดินทางสู่พื้นที่สีเขียวที่เปรียบเสมือนปอดของโตเกียว
- การเดินทาง : จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟสาย JR Yamanote Line ที่ชานชาลาฝั่งมุ่งหน้าไป Shibuya/Shinagawa เพียง 2 สถานีก็จะถึงสถานี Harajuku
- กิจกรรม : ทันทีที่ออกจากสถานี Harajuku คุณจะพบกับทางเข้าสู่ “ศาลเจ้าเมจิ” ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิและสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง บรรยากาศจะเปลี่ยนจากความวุ่นวายของเมืองสู่ความสงบร่มรื่นของผืนป่าขนาดใหญ่ทันที คุณจะได้เดินผ่านเสาโทริอิไม้ขนาดมหึมา และกำแพงถังสาเกที่ตั้งเรียงรายอย่างสวยงาม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปยอดนิยม ในช่วงฤดูหนาว อากาศที่เย็นและบริสุทธิ์จะทำให้การเดินเล่นในศาลเจ้าแห่งนี้พิเศษยิ่งขึ้น
ช่วงสาย – เที่ยง (11:00 น.) : ตะลุยถนนสายแฟชั่นฮาราจูกุ (Harajuku)
หลังจากชาร์จพลังความสงบจากศาลเจ้าแล้ว ก็ถึงเวลาพุ่งตัวเข้าสู่ใจกลางวัฒนธรรมวัยรุ่นอันมีสีสัน
- ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Street) : เดินข้ามถนนจากสถานี Harajuku มาก็จะพบกับทางเข้าถนนสายเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยร้านค้าแฟชั่นสุดคาวาอี้, ร้านขายของคาแรคเตอร์, ร้านเครื่องประดับ และที่สำคัญคือ “ร้านเครปญี่ปุ่น” อันเลื่องชื่อ อย่าลืมแวะชิมเครปเย็นไส้ทะลักซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้
- ถนนโอโมเตะซันโด (Omotesando) : หากเดินต่อไปอีกนิด คุณจะพบกับถนนโอโมเตะซันโด ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น “ฌ็องเซลีเซแห่งโตเกียว” สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก, อาคารสถาปัตยกรรมสวย ๆ และคาเฟ่บรรยากาศดี เป็นภาพที่แตกต่างจากความน่ารักสดใสของถนนทาเคชิตะ
ช่วงบ่าย – ค่ำ (15:00 น. เป็นต้นไป) : สัมผัสพลังของชิบูย่า (Shibuya)
ปิดท้ายวันด้วยการไปเยือนย่านที่เปี่ยมไปด้วยพลังและเป็นภาพจำของโตเกียวสำหรับคนทั่วโลก
- การเดินทาง : จาก Harajuku สามารถนั่งรถไฟสาย JR Yamanote Line ต่อไปอีกเพียง 1 สถานี หรือจะเลือกเดินชิลๆ ชมวิวเมืองประมาณ 15-20 นาทีก็ได้
- กิจกรรมห้ามพลาด :
- ทักทายรูปปั้นฮาจิโกะ (Hachiko Statue) : เริ่มต้นที่จุดนัดพบในตำนานบริเวณหน้าสถานี Shibuya เพื่อถ่ายรูปกับรูปปั้นสุนัขผู้ซื่อสัตย์
- ข้ามแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) : สัมผัสประสบการณ์การเดินข้ามทางม้าลายที่ได้ชื่อว่ามีผู้คนสัญจรผ่านพร้อมกันมากที่สุดในโลก เป็นความวุ่นวายที่เป็นระเบียบอย่างน่าทึ่ง
- ชมวิวแยกชิบูย่าจากมุมสูง : เคล็ดลับยอดนิยมคือการขึ้นไปที่ร้าน Starbucks ชั้น 2 ของอาคาร Tsutaya ที่อยู่ตรงข้ามแยกพอดี คุณจะได้เห็นภาพผู้คนเดินขวักไขว่เป็นคลื่นจากมุมที่ดีที่สุด (อาจจะต้องรอคิวเพื่อได้ที่นั่งริมหน้าต่าง)
- (ตัวเลือกเสริม) ชมวิวที่ Shibuya SKY : หากต้องการชมวิวเมืองโตเกียวยามค่ำคืนแบบ 360 องศา แนะนำให้ขึ้นไปที่ Shibuya SKY จุดชมวิวบนดาดฟ้าของตึก Shibuya Scramble Square แม้จะมีค่าใช้จ่าย แต่ภาพเมืองที่สว่างไสวสุดลูกหูลูกตาจากมุมนี้คือประสบการณ์ที่คุ้มค่า
- อาหารค่ำ : ชิบูย่าเป็นแหล่งรวมร้านอาหารทุกรูปแบบ ตั้งแต่ร้านซูชิสายพาน, ราเมงข้อสอบ ไปจนถึงร้านอาหารหรู ๆ คุณสามารถเลือกทานมื้อค่ำได้ตามใจชอบก่อนเดินทางกลับที่พัก
Day 5 : วันเก็บตก | ช้อปของฝาก – อำลากรุงโตเกียว
ธีมของวัน: วันสบาย ๆ สำหรับการซื้อของฝากและของที่ระลึกก่อนจะมุ่งหน้าสู่สนามบินเพื่อเดินทางกลับ (สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเวลาของเที่ยวบิน)

ช่วงเช้า (ขึ้นอยู่กับเวลาเที่ยวบิน) : ภารกิจตามล่าหาของฝาก
วันนี้เป็นโอกาสสุดท้ายในการช้อปปิ้งของฝากกลับไปให้คนที่บ้านหรือเพื่อน ๆ
- ตัวเลือกที่ 1 (แนะนำที่สุด) : สถานีโตเกียว (Tokyo Station) ที่นี่เป็นมากกว่าสถานีรถไฟ แต่เป็นอาณาจักรแห่งการช้อปปิ้ง โดยเฉพาะของฝากชั้นเลิศ แนะนำให้ไปที่ “Tokyo Character Street” ซึ่งเป็นโซนที่รวมร้านค้าของคาแรคเตอร์การ์ตูนชื่อดังไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Ghibli, Pokémon, Sanrio และอื่นๆ อีกเพียบ นอกจากนี้ยังมีโซนขายขนมของฝาก (Omiyage) ระดับพรีเมียมที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยและแพ็กเกจที่สวยงาม
- ตัวเลือกที่ 2 : ร้าน Don Quijote (ดองกิ) หากคุณต้องการซื้อของหลากหลายในที่เดียว ตั้งแต่ขนม KitKat รสแปลก ๆ, เครื่องสำอาง, ยาและวิตามิน ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน “ดองกิ” คือคำตอบ มีสาขาใหญ่ๆ อยู่ทั้งในชินจูกุและชิบูย่า ซึ่งบางสาขาเปิด 24 ชั่วโมง ทำให้ยืดหยุ่นต่อแผนการเดินทางของคุณมาก
- ตัวเลือกที่ 3 : ตลาด Ameyoko (อีกครั้ง) หากติดใจในราคาสินค้าที่ย่อมเยาของตลาด Ameyoko ก็สามารถกลับไปเดินเลือกซื้อขนม, ชาเขียว หรือของฝากอื่นๆ เพิ่มเติมได้
ช่วงเที่ยง : มื้ออาหารสุดท้าย
เลือกทานมื้ออาหารกลางวันส่งท้ายทริป อาจจะเป็นราเมงร้อน ๆ สักชามที่ “Tokyo Ramen Street” บริเวณชั้นใต้ดินของสถานีโตเกียว หรือลองซื้อ “เอกิเบน” (Ekiben) ซึ่งเป็นข้าวกล่องรถไฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากสถานีโตเกียวหรือชินจูกุ เพื่อไปทานบนรถไฟ Narita’ Express ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเช่นกัน
ช่วงบ่าย : เดินทางสู่สนามบิน
ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องออก เพื่อเดินทางไปยังสนามบินและผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างไม่รีบร้อน
- ไปสนามบินนาริตะ (NRT) : นั่งรถไฟ Narita’ Express (N’EX) จากสถานี Shinjuku หรือ Tokyo Station
- ไปสนามบินฮาเนดะ (HND) : นั่งรถไฟ JR Yamanote Line ไปลงที่สถานี Hamamatsucho เพื่อต่อรถไฟสาย Tokyo Monorail หรือไปลงที่สถานี Shinagawa เพื่อต่อรถไฟสาย Keikyu Line
เมื่อถึงสนามบิน เช็คอิน โหลดกระเป๋า และอาจจะมีเวลาเดินเลือกซื้อของฝากเพิ่มเติมจากร้านค้าปลอดภาษีได้อีกเล็กน้อย ขอให้คุณเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพพร้อมกับความทรงจำอันแสนวิเศษจากทริปโตเกียวในฤดูหนาวนี้!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “วางแผนเที่ยว Tokyo” (FAQ)
- ถาม : ที่ญี่ปุ่นใช้เงินสดหรือบัตรเครดิตดีกว่ากัน? ต้องแลกเงินไปเท่าไหร่?
- ตอบ : ญี่ปุ่นยังคงเป็นสังคมที่นิยมใช้เงินสด โดยเฉพาะร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านค้าตามตลาด หรือร้านค้าริมทาง แนะนำให้พกเงินสดติดตัวไว้เสมอสำหรับค่าใช้จ่ายจิปาถะในแต่ละวัน ส่วนบัตรเครดิตสามารถใช้ได้ตามโรงแรมใหญ่ ๆ ห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ ควรมีทั้งสองอย่างเพื่อความสะดวกที่สุด แนะนำให้แลกเงินเยนไปสำหรับค่ากินและค่าเดินทางประมาณ 8,000 – 10,000 เยนต่อคนต่อวัน
- ถาม : สำหรับแพลนเที่ยว 5 วันในโตเกียวแบบนี้ จำเป็นต้องซื้อ JR Pass หรือไม่?
- ตอบ : ไม่จำเป็น JR Pass ถูกออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไกลข้ามเมืองด้วยรถไฟชินคันเซ็นเป็นหลัก สำหรับแพลนนี้ที่เน้นการเดินทางในโตเกียวและมีออกนอกเมืองไปคาวากุจิโกะเพียงวันเดียว การใช้บัตร IC Card (Suica/Pasmo) และซื้อตั๋วรถบัสแยกจะคุ้มค่ากว่ามาก
- ถาม : ถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย จะเที่ยวลำบากไหม?
- ตอบ : ไม่ลำบาก ในโตเกียวตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ สถานีรถไฟใหญ่ ๆ หรือสนามบิน จะมีป้ายภาษาอังกฤษกำกับชัดเจน พนักงานในโรงแรมหรือร้านค้าใหญ่ ๆ มักจะพูดภาษาอังกฤษพื้นฐานได้ นอกจากนี้การใช้แอปแปลภาษาอย่าง Google Translate ก็สามารถช่วยสื่อสารได้อย่างดี คนญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเสมอ
- ถาม : ฤดูหนาวของโตเกียวควรไปเดือนไหนดีที่สุด? และมีโอกาสเจอหิมะไหม?
- ตอบ : เดือนธันวาคมเป็นช่วงที่บรรยากาศคึกคักที่สุดเพราะมีเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ พร้อมการประดับไฟสวยงาม ส่วนเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่หนาวที่สุดและท้องฟ้าโปร่ง ทำให้มีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิชัดเจนที่สุด สำหรับหิมะ ในตัวเมืองโตเกียวมีโอกาสน้อยมากที่จะเจอหิมะตกหนักๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่หิมะโปรยบางๆ แล้วละลายไปอย่างรวดเร็ว
- ถาม : ที่ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการให้ทิปหรือไม่?
- ตอบ : ญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมการให้ทิป การบริการที่ดีเยี่ยมถือเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว การพยายามให้ทิปอาจสร้างความลำบากใจให้กับพนักงานได้ เพียงแค่กล่าวคำว่า “โกะชิโซซามะเดชิตะ” (Gochisousama deshita) ที่แปลว่า “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้” หลังทานเสร็จ ก็ถือเป็นการแสดงความขอบคุณที่ดีที่สุดแล้ว
- ถาม : ระหว่างวันถ้ามีสัมภาระเยอะ สามารถฝากกระเป๋าไว้ที่ไหนได้บ้าง?
- ตอบ : สะดวกมาก ตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ ทุกแห่งในโตเกียวจะมีบริการล็อกเกอร์หยอดเหรียญ (Coin Locker) ให้บริการ มีหลายขนาดตั้งแต่เล็กไปจนถึงขนาดที่ใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้ เป็นวิธีที่ดีในการฝากของเพื่อเดินเที่ยวตัวปลิวระหว่างวัน
- ถาม : การช้อปปิ้งแบบ Tax-Free สำหรับนักท่องเที่ยวต้องทำอย่างไร?
- ตอบ : ให้นักท่องเที่ยวมองหาร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ “Tax-Free” ซึ่งมีอยู่มากมายตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายยา เมื่อซื้อสินค้าถึงยอดที่กำหนด (โดยทั่วไปคือ 5,000 เยนขึ้นไป) ให้แสดงพาสปอร์ตตอนชำระเงิน พนักงานจะทำเรื่องยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% ให้ทันที หรือบางห้างอาจจะต้องนำใบเสร็จไปทำเรื่องคืนภาษีที่เคาน์เตอร์ Tax Refund
- ถาม : ปลั๊กไฟที่ญี่ปุ่นเป็นแบบไหน ต้องเตรียม Universal Adapter ไปหรือไม่?
- ตอบ : จำเป็นต้องเตรียมไป ญี่ปุ่นใช้ปลั๊กไฟแบบ Type A ซึ่งเป็นแบบ 2 ขาแบน และใช้ไฟฟ้า 100V ในขณะที่ประเทศไทยใช้ปลั๊กแบบ 2 ขากลมหรือ 3 ขาแบน และไฟฟ้า 220V ดังนั้นควรพก Universal Adapter ไปด้วยเพื่อชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ของคุณ
- ถาม : การเช่ารถขับเองในโตเกียวเป็นความคิดที่ดีไหม?
- ตอบ : สำหรับการท่องเที่ยวในตัวเมืองโตเกียว เพราะระบบขนส่งสาธารณะดีเยี่ยมและครอบคลุมกว่ามาก การจราจรค่อนข้างหนาแน่น ค่าที่จอดรถสูง และป้ายต่าง ๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่หากคุณต้องการเดินทางออกนอกเมืองไปยังพื้นที่ที่รถไฟเข้าไม่ถึง การเช่ารถถือเป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งบริการรถเช่าพร้อมคนขับ ก็เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกและไร้กังวล
- ถาม : ญี่ปุ่นปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวหรือไม่? และควรเตรียมยาอะไรไปบ้าง?
- ตอบ : ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก มีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำมาก ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนรวมถึงผู้ที่เดินทางคนเดียว อย่างไรก็ตามควรใช้ความระมัดระวังตามปกติ สำหรับยา ควรเตรียมยาพื้นฐานที่ใช้ประจำ เช่น ยาแก้ปวด ลดไข้ ยาแก้แพ้ หรือยาสำหรับโรคประจำตัวไปให้พร้อม เพราะการซื้อยาในญี่ปุ่นอาจมีความยุ่งยากเรื่องภาษาและตัวยาที่ไม่คุ้นเคย
สรุป
การเดินทางตลอด 5 วัน 4 คืนในโตเกียวและคาวากุจิโกะตามแผนในบทความนี้ เป็นเพียงหนึ่งในเส้นทางตัวอย่างที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับเสน่ห์อันน่าหลงใหลของญี่ปุ่นในฤดูหนาว ตั้งแต่แสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนในย่านชินจูกุ, ความขลังของวัดเก่าแก่อย่างวัดเซ็นโซจิ, ไปจนถึงภาพภูเขาไฟฟูจิสีขาวบริสุทธิ์ที่ตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม ทั้งหมดนี้คือภาพความทรงจำที่คุ้มค่ากับการเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเอง เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้การวางแผนเที่ยว Tokyo ด้วยตัวเองของคุณไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไป และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าใคร ๆ ก็สามารถสร้างสรรค์ทริปตัวเองได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมตัวที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การเดินทางที่ราบรื่นและเปิดโอกาสให้คุณได้ดื่มกับทุกช่วงเวลาระหว่างทางได้อย่างเต็มที่
ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางตามแผนนี้ทุกขั้นตอน หรือจะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง และไม่ว่าคุณจะเลือกวางแผนทุกอย่างด้วยตัวเองหรือให้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง TRIP JAPAN ONLINE คอยช่วยเหลือ สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ…
โตเกียวในฤดูหนาวกำลังรอให้คุณไปสร้างความทรงจำครั้งใหม่ที่น่าประทับใจอยู่เสมอ แพ็คกระเป๋า เตรียมเสื้อโค้ทตัวโปรด แล้วออกเดินทางได้เลย!
วางแผนเที่ยว Tokyo ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าอยากให้ง่ายกว่า…
หลายคนคงพอเห็นภาพและมีความมั่นใจในการวางแผนเที่ยว Tokyo ด้วยตัวเองมากขึ้นแล้วใช่ไหม การเดินทางด้วยตัวเองนั้นมอบอิสระและประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวลาและการเตรียมตัวไม่น้อย ตั้งแต่การจองต่าง ๆ การศึกษาเส้นทาง ไปจนถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จะดีกว่าไหม ถ้าคุณสามารถยกระดับการเดินทางของคุณให้สะดวกสบาย มีอิสระเต็มที่ และไร้ความกังวลในทุกย่างก้าว? ให้ทริปญี่ปุ่นง่าย ๆ เกิดขึ้นได้ด้วยตัวคุณเองไปกับ TRIP JAPAN ONLINE ผู้ช่วยที่จะทำให้การเดินทางของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

“ให้ TRIP JAPAN ONLINE เป็นเพื่อนร่วมทางในทริปของคุณ“
- บริการวางแผนท่องเที่ยว : เที่ยวสนุกได้แบบไม่ต้องปวดหัว สำหรับท่านที่อยากเที่ยวเองแต่ไม่มีเวลาวางแผน หรือกังวลว่าจะพลาดจุดสำคัญ บริการนี้คือคำตอบ!
- ครอบคลุมทุกมิติ : เราช่วยจัดแผนการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมทั้งเรื่องกิน, เรื่องเที่ยว, ที่พัก, ที่ช้อป ที่คัดสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ
- แผนที่และรายละเอียดการเดินทาง : คุณจะได้รับแผนที่และข้อมูลการเดินทางอย่างละเอียด ช่วยให้คุณเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างมีความสุข สนุกตลอดทั้งทริป
- ออกแบบได้ตามใจคุณ : ไม่ว่าจะเที่ยวกี่วัน หรือมีสไตล์การเที่ยวแบบไหน ก็เลือกแพลนเที่ยวได้ในแบบฉบับของคุณเอง
- บริการจองรถเช่าในประเทศญี่ปุ่น : อิสระแห่งการเดินทางที่เหนือกว่า อยากเที่ยวแบบไม่มีขีดจำกัดตามแพลนของตัวเองใช่ไหม? การเช่ารถคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะสำหรับทริปครอบครัว, ทริปคู่รัก หรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุด
- จองโดยตรงกับผู้ประกอบการที่ได้รับรอง : มั่นใจได้ในมาตรฐานและคุณภาพของรถยนต์
- มีจุดบริการรองรับทุกเมือง : ไม่ว่าคุณจะลงเครื่องที่ไหน หรืออยากเดินทางไปเมืองใด ก็มีจุดบริการรองรับทั่วประเทศ
- ตัวเลือกหลากหลาย : ตั้งแต่รถยนต์ส่วนตัวสำหรับขับเอง ไปจนถึงรถตู้พร้อมคนขับที่เชี่ยวชาญเส้นทาง
- ประกันภัยครบวงจร : หายห่วงเรื่องความปลอดภัยตลอดการเดินทางด้วยประกันภัยที่ครอบคลุม
- อิสระในการเดินทาง : เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแผนเที่ยวที่ต้องออกนอกเมือง เช่น One Day Trip ไปชมภูเขาไฟฟูจิที่คาวากุจิโกะ คุณสามารถแวะจอดตามจุดชมวิวต่างๆ ได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องกังวลเรื่องตารางเวลารถสาธารณะ
- บริการประสานงานช่วยเหลือ : อุ่นใจเหมือนมีเพื่อนอยู่ที่ญี่ปุ่น เราเข้าใจดีว่าการเดินทางในต่างแดนอาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ TRIP JAPAN ONLINE พร้อมเป็นเพื่อนที่เดินทางเคียงข้างคุณ ด้วยบริการประสานงานและให้ความช่วยเหลือในทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องฉุกเฉิน ให้คุณเที่ยวได้อย่างสบายใจ
“เราพร้อมแนะนำข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวในมุมมองที่นักท่องเที่ยวทั่วไปอาจไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งร้านลับ หรือสถานที่สุดพิเศษเพื่อคุณเท่านั้น”