เคยสงสัยไหม? นอกจากโตเกียว ยังมีเมืองท่าสุดเก๋ที่ชื่อว่า “โยโกฮาม่า (Yokohama)” รอให้เราไปเที่ยวอยู่ไม่ไกล? หลายคนอาจจะอยากลองไปเที่ยว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะจัดแพลนที่เที่ยวโยโกฮาม่าอย่างไรให้ลงตัว แถมยังอาจจะกังวลเรื่องการเดินทางอีกด้วย แต่เราขอบอกข่าวดีว่าการ “นั่งรถไฟจากโตเกียวไปโยโกฮาม่า นั้นง่ายและใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น!” บทความนี้จาก TripJapanOnline จะมาตอบทุกคำถามว่า “โยโกฮาม่ามีอะไรดี?” เราจะไม่ได้มาลิสต์สถานที่เยอะ ๆ ให้คุณสับสน แต่จะคัดสรรเฉพาะไฮไลท์เด็ด ๆ และร้อยเรียงเป็น “Mini-Plan” ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ตั้งแต่การเดินทางที่ง่ายที่สุด, กิจกรรมสุดพิเศษ, มุมถ่ายรูปสุดปัง ไปจนถึงของฝากที่ต้องซื้อกลับบ้าน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปดูกันเลย เมืองสุดเก๋แห่งนี้จะทำให้คุณตกหลุมรักได้ง่ายขนาดไหน!
โยโกฮาม่าการเดินทางที่ง่าย “แค่นั่งรถไฟ 30 นาที”
ก่อนจะไปดูว่าโยโกฮาม่ามีอะไรน่าเที่ยว เรามาไขข้อสงสัยเรื่องการเดินทางกันก่อน เพราะนี่คือจุดเด่นที่สุดที่ทำให้โยโกฮาม่าเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับ Day Trip การเดินทางนั้นสะดวกสบายและมีหลายตัวเลือก ขึ้นอยู่กับว่าคุณพักอยู่ย่านไหนในโตเกียวและมีตั๋วรถไฟประเภทไหน?

สายรถไฟ | สถานีต้นทาง (โตเกียว) | สถานีปลายทาง (โยโกฮาม่า) | เวลาเดินทาง | ราคา (เที่ยวเดียว) | เหมาะสำหรับ |
Tokyu Toyoko Line | Shibuya | Yokohama | ~ 27-35 นาที | ~ 280 เยน | คนพักย่านชิบูย่า ราคาถูกที่สุดและไม่ต้องเปลี่ยนสาย |
JR Tokaido Line | Tokyo, Shinagawa | Yokohama | ~ 25-30 นาที | ~ 480 เยน | คนมี JR Pass เร็วและสะดวกมาก ใช้พาสได้เลย |
JR Shonan-Shinjuku | Shinjuku, Shibuya, Ikebukuro | Yokohama | ~ 30-40 นาที | ~ 570 เยน | คนพักย่านชินจูกุ/อิเคะบุคุโระ เดินทางตรง ไม่ต้องเปลี่ยนสาย |
สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่พักในย่านฮิตอย่างชิบูย่าหรือชินจูกุ การเลือกใช้สาย Tokyu หรือ JR Shonan-Shinjuku จะสะดวกที่สุด แค่ขึ้นรถไฟ ต่อเดียวก็ถึงโยโกฮาม่าแล้ว!
10 ที่เที่ยว “โยโกฮาม่า” คัดมาแล้วให้คุณจัดแพลน 1 วันได้เลย!
เมื่อการเดินทางไม่ใช่อุปสรรคแล้ว ก็มาถึงคำถามที่ว่า “โยโกฮาม่ามีอะไรดี?” กันเลย เราได้คัดเลือก 10 จุดเช็คอินสุดเก๋ที่มีครบทุกรสชาติ ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์สุดสร้างสรรค์, ย่านของกินอร่อย ๆ ไปจนถึงวิวกลางคืนสุดโรแมนติก โดยเรียงลำดับตามเส้นทางที่สามารถเที่ยวตามได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
1. พิพิธภัณฑ์ราเมนชินโยโกฮาม่า (Shin-Yokohama Ramen Museum)

เริ่มต้นวันกันที่สถานี Shin-Yokohama ซึ่งเป็นสถานีของรถไฟชินคันเซ็น และที่นี่คือที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ราเมน โยโกฮาม่า ที่จะพาคุณวาร์ปกลับไปสู่บรรยากาศของโตเกียวในปี 1958 ด้านในไม่ได้มีแค่ประวัติความเป็นมาของราเมน แต่เป็นสวรรค์ของคนรักเส้นขนานแท้ เพราะเขายกร้านราเมนชื่อดังจากทั่วญี่ปุ่นมาให้เราได้ลิ้มลองในที่เดียว
- ร้านส่วนใหญ่มีราเมนขนาดเล็ก (Mini Ramen) ให้สั่ง เหมาะมากสำหรับคนที่อยากลองชิมหลาย ๆ ร้าน แนะนำให้ไปถึงตอนเปิดเพื่อเลี่ยงคิวช่วงเที่ยง!
2. พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (Cup Noodles Museum)

เมื่อย้อนยุคกับราเมนแล้ว ก็มาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์สุดสร้างสรรค์ในย่าน Minato Mirai ที่นี่คืออาณาจักรของบะหมี่ถ้วยที่เราคุ้นเคย แต่สนุกและให้ความรู้กว่าที่คิด ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือการสร้าง “บะหมี่ถ้วยในแบบฉบับของตัวเอง” (My CUPNOODLES Factory) ที่เราสามารถออกแบบถ้วยและเลือกรสชาติท็อปปิ้งเองได้ เป็นกิจกรรมที่สนุกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และยังได้ของที่ระลึกชิ้นเดียวในโลกกลับบ้านด้วย
3. ย่านไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า (Yokohama Chinatown)

ได้เวลาหาของอร่อยมื้อเที่ยง! การมา “เที่ยวย่านไชน่าทาวน์ โยโกฮาม่า” ซึ่งเป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ที่นี่เต็มไปด้วยสีสันและพลังงาน มีร้านอาหารจีนเรียงรายกว่าร้อยร้าน แต่เสน่ห์ของมันคือการเดินกินของอร่อย (Street Food) ไม่ว่าจะเป็นซาลาเปาไส้หมูฉ่ำ ๆ, เสี่ยวหลงเปาไส้ทะลัก หรือเกาลัดคั่วหอม ๆ
4. สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Park)

หลังจากอิ่มอร่อยจากไชน่าทาวน์ ลองเดินเล่นสบายๆ มาที่สวนสาธารณะยามาชิตะที่อยู่ติดกัน ที่นี่เป็นสวนริมทะเลที่ทอดยาวเลียบท่าเรือ คุณสามารถเดินรับลมทะเลเย็นๆ ชมวิวเรือแล่นผ่าน และมองเห็นสะพานเบย์บริดจ์ (Bay Bridge) ได้อย่างชัดเจน เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจที่สมบูรณ์แบบเพื่อเตรียมแรงไว้เที่ยวต่อในช่วงบ่าย
5. โกดังอิฐแดงโยโกฮาม่า (Yokohama Red Brick Warehouse)

นี่คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของความ “เก๋” ของโยโกฮาม่า อาคารโกดังเก่าที่สร้างด้วยอิฐแดงในอดีตถูกรีโนเวทให้กลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารสุดชิค ด้านในเต็มไปด้วยร้านค้าขายของมีดีไซน์, สินค้าแฮนด์เมด และคาเฟ่บรรยากาศดี นอกจากนี้บริเวณลานกว้างด้านนอกยังมักใช้จัดอีเวนต์และเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี เช่น ตลาดคริสต์มาส หรือเทศกาลเบียร์
6. ย่านมินาโตะมิไร 21 (Minato Mirai 21)

เมื่อเข้าสู่ช่วงเย็น ให้มุ่งหน้าสู่ใจกลางของโยโกฮาม่าสมัยใหม่ นั่นคือย่านมินาโตะมิไร 21 ซึ่งแปลว่า “ท่าเรือแห่งอนาคต” บริเวณนี้คือที่รวมของตึกสูงระฟ้า, ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ (เช่น Queen’s Square, Landmark Plaza) และสถาปัตยกรรมสวยๆ มากมาย เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน แสงไฟจากตึกต่างๆ จะเริ่มสว่างขึ้น เปลี่ยนให้ทั้งย่านกลายเป็นภาพวิวกลางคืนที่น่าตื่นตาตื่นใจ
7. สวนสนุกโยโกฮาม่า คอสโมเวิลด์ (Yokohama Cosmoworld)

แม้คุณจะไม่ได้เป็นสายเล่นเครื่องเล่น แต่ สวนสนุกโยโกฮาม่า Cosmoworld ก็เป็นจุดที่ต้องมาชม โดยเฉพาะชิงช้าสวรรค์ยักษ์ “Cosmo Clock 21” ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเส้นขอบฟ้าโยโกฮาม่า ในยามค่ำคืน ชิงช้าสวรรค์จะประดับด้วยแสงไฟ LED ที่เปลี่ยนสีสันไปเรื่อยๆ สร้างภาพที่งดงามและทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของ โยโกฮาม่า ที่เที่ยวกลางคืน ที่ทุกคนต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง
8. กระเช้าลอยฟ้าโยโกฮาม่า (Yokohama Air Cabin)

อยากชมวิวมินาโตะมิไรในมุมที่แตกต่างและทันสมัยที่สุดใช่ไหม? ต้องลองขึ้น Yokohama Air Cabin กระเช้าลอยฟ้าที่เชื่อมระหว่างสถานี JR Sakuragicho กับบริเวณโกดังอิฐแดง การลอยอยู่เหนือผืนน้ำและอาคารต่างๆ ทำให้คุณได้เห็นภาพรวมของเมืองในมุมสูง เป็นประสบการณ์สั้นๆ แต่ประทับใจแน่นอน
สำหรับค่าบริการ Yokohama Air Cabin ราคา เที่ยวเดียวสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 1,000 เยน และตั๋วไป-กลับราคา 1,800 เยนครับ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
9. ตึกแลนด์มาร์คทาวเวอร์ และ สกายการ์เด้น (Landmark Tower & Sky Garden)

อยากเห็นวิวที่สูงและสวยที่สุด ต้องขึ้นไปที่สกายการ์เด้น (Sky Garden) บนชั้น 69 ของตึกแลนด์มาร์คทาวเวอร์ ซึ่งเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่คุณจะได้เห็นวิวมุมกว้างแบบ 360 องศาของโยโกฮาม่า, ท่าเรือ และถ้าวันไหนอากาศดีมากๆ อาจมองเห็นไปไกลถึงภูเขาไฟฟูจิเลยทีเดียว การขึ้นมาชมวิวเมืองที่ส่องสว่างระยิบระยับจากจุดนี้ ถือเป็นการปิดท้ายค่ำคืนที่โรแมนติกที่สุด
10. ท่าเรือโอซันบาชิ (Osanbashi Pier)

สำหรับสายถ่ายภาพหรือคนที่มองหามุมสงบ ๆ ท่าเรือโอซันบาชิคือคำตอบสุดท้าย ที่นี่เป็นท่าเรือสำราญระหว่างประเทศที่มีสถาปัตยกรรม ตัวอาคารมีลักษณะคล้ายคลื่นไม้และมีดาดฟ้าเป็นสวนหญ้าให้เดินเล่นได้ จุดเด่นของที่นี่คือเป็น “จุดชมวิวในตำนาน” ที่คุณสามารถเก็บภาพ 3 แลนด์มาร์คหลักของโยโกฮาม่า (ตึกควีน, ตึกแลนด์มาร์ค, ชิงช้าสวรรค์) ได้ครบทั้งหมดในเฟรมเดียว
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ แล้ว เสน่ห์ของโยโกฮาม่ายังอยู่ที่วัฒนธรรมอาหารอันเป็นเอกลักษณ์และแหล่งช้อปปิ้งที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร เราได้คัดสรรสิ่งที่ไม่ควรพลาดมาให้คุณแล้วที่นี่
4 อาหารแนะนำที่ห้ามพลาด “โยโกฮาม่า“

มาถึงโยโกฮาม่าทั้งที ต้องลองชิมเมนูเด็ดประจำเมืองเหล่านี้ให้ได้
- อาหารจีนสตรีทฟู้ดที่ไชน่าทาวน์ : แน่นอนว่าอันดับหนึ่งต้องยกให้ของอร่อยในย่านไชน่าทาวน์ แต่แทนที่จะเข้าร้านอาหารใหญ่ ๆ เราขอแนะนำให้คุณสนุกกับการเดินชิมสตรีทฟู้ดเมนูเด็ดอย่าง “ซาลาเปาหมู (Nikuman)” ลูกโตไส้แน่น และ “ขนมงาทอด (Goma Dango)” ที่กรอบนอกนุ่มในไส้ถั่วแดงหวานกำลังดี
- ขนมจีบ (Shumai) จากร้าน Kiyoken : หากพูดถึงของฝากหรือของกินขึ้นชื่อที่สุดของโยโกฮาม่า คนญี่ปุ่นทุกคนจะนึกถึง “ชูไม” หรือขนมจีบจากร้านในตำนานอย่าง Kiyoken คุณสามารถหาซื้อข้าวกล่องขนมจีบ (Shumai Bento) ได้ตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ เป็นเมนูที่เรียบง่ายแต่อร่อยจนต้องซื้อซ้ำ
- อิเอะเคราเมน (Ie-kei Ramen) : โยโกฮาม่าคือต้นกำเนิดของราเมนสไตล์ “อิเอะเค” ที่มีจุดเด่นคือน้ำซุปทงคตสึ (กระดูกหมู) เข้มข้นผสมกับโชยุ และใช้เส้นหนาเหนียวนุ่ม เป็นราเมนรสชาติหนักแน่นที่ถูกใจคนชอบซุปเข้มข้นแน่นอน
- สปาเก็ตตี้นาโปลิตัน (Napolitan Spaghetti) : เมนูอาหารฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่น (Yoshoku) จานนี้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงแรม Hotel New Grand ในโยโกฮาม่า เป็นสปาเก็ตตี้ผัดซอสมะเขือเทศใส่หัวหอม, พริกหยวก และไส้กรอก แม้จะดูเรียบง่าย แต่การได้ทานเมนูนี้ที่เมืองต้นกำเนิดก็เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก
แนะนำ 2 แหล่งช้อปปิ้งโยโกฮาม่าเติมเต็มสไตล์คนเมืองเก๋

- โกดังอิฐแดงโยโกฮาม่า (Yokohama Red Brick Warehouse) : ที่นี่ไม่ใช่แค่จุดถ่ายรูปสวยๆ แต่เป็นแหล่งรวมสินค้ามีสไตล์ที่คัดสรรมาอย่างดี หากคุณกำลังมองหา โยโกฮาม่า ของฝากน่าซื้อ ที่ไม่เหมือนใคร เช่น ของใช้ดีไซน์เก๋, เครื่องประดับแฮนด์เมด หรือขนมอร่อยๆ ในแพ็กเกจจิ้งสวยๆ ที่นี่คือคำตอบที่ดีที่สุด
- ถนนช้อปปิ้งโมโตมาจิ (Motomachi Shopping Street): เดินต่อจากไชน่าทาวน์มาไม่ไกล คุณจะพบกับถนนช้อปปิ้งเก่าแก่ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรป สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านบูติก, แบรนด์แฟชั่นท้องถิ่น, ร้านเบเกอรี่ และคาเฟ่น่ารักๆ เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายและอยากสัมผัสไลฟ์สไตล์ของชาวโยโกฮาม่าแท้ๆ
แผนที่รวมสถานที่ท่องเที่ยว “โยโกฮาม่า“
เพื่อให้คุณวางแผนเที่ยวได้ง่ายขึ้น เราได้ปักหมุดสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารแนะนำทั้งหมดในบทความนี้ไว้ในแผนที่เดียวแล้ว สามารถเปิดดูผ่าน Google Maps ในมือถือแล้วเดินตามได้เลย!
สรุป
มาถึงตรงนี้ ทุกคนคงได้คำตอบกันแล้วนะว่า “โยโกฮาม่ามีอะไรดี?” ไม่ใช่แค่การเป็นเมืองที่เดินทางง่ายจากโตเกียวเท่านั้น แต่โยโกฮาม่ายังเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ความสนุกสุดสร้างสรรค์ในพิพิธภัณฑ์, วัฒนธรรมอาหารที่เป็นเอกลักษณ์, แหล่งช้อปปิ้งมีสไตล์ ไปจนถึงวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่โรแมนติกและน่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เมืองนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าการ “เปลี่ยนบรรยากาศ” แค่หนึ่งวัน ก็สามารถสร้างความทรงจำที่พิเศษให้กับทริปญี่ปุ่นของคุณได้
ข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้เพียงพอที่จะทำให้คุณวางแผนเที่ยวเองได้อย่างแน่นอน… แต่ถ้าคุณอยากยกระดับทริปของคุณให้ง่ายและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก โดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกหน้างานล่ะ?
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “โยโกฮาม่า” (FAQ)
- ถาม : ไปเที่ยวโยโกฮาม่าแบบ 1 วัน ต้องเตรียมงบประมาณเท่าไหร่?
- ตอบ : ไม่รวมค่าช้อปปิ้ง แนะนำให้เตรียมงบประมาณไว้ประมาณ 5,000 – 8,000 เยนต่อคนครับ โดยจะครอบคลุมค่าเดินทางไป-กลับจากโตเกียว, ค่าเข้าชมสถานที่ 2-3 แห่ง, ค่าอาหารกลางวัน, ค่าอาหารว่าง และค่าเดินทางภายในโยโกฮาม่า
- ถาม : นอกจาก JR Pass แล้ว มีตั๋วพาสส่วนลดสำหรับเที่ยวในโยโกฮาม่าโดยเฉพาะไหม?
- ตอบ : ตั๋วที่คุ้มค่าและเป็นที่นิยมมากคือ “Minato Burari Ticket” ราคาเพียง 500 เยน สามารถใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Blue Line และรถบัสท่องเที่ยว “Akai Kutsu” ในโซนท่องเที่ยวหลักได้ไม่จำกัดใน 1 วัน เหมาะสำหรับคนไม่มี JR Pass และวางแผนจะไปเที่ยวหลายจุด
- ถาม : เที่ยวโยโกฮาม่า 1 วัน จะเที่ยวครบและไม่เร่งรีบเกินไปใช่ไหม?
- ตอบ : 1 วันถือว่าเพียงพอสำหรับการเก็บไฮไลท์สำคัญ ๆ แพลนในบทความนี้ถูกออกแบบมาให้เที่ยวได้จริง ไม่แน่นจนเกินไป แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบเดินเที่ยว ชอบใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์หรือคาเฟ่นาน ๆ การค้างคืน 1 คืนก็จะทำให้เที่ยวได้สบายและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น
- ถาม : ควรไปเที่ยวโยโกฮาม่าวันธรรมดา หรือ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ดี?
- ตอบ : วันธรรมดา คนจะน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เที่ยวสบาย ถ่ายรูปง่าย ไม่ต้องรอคิวนาน ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บรรยากาศจะคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะที่โกดังอิฐแดงและสวนสนุกอาจมีอีเวนต์หรือเทศกาลจัดขึ้น แต่ก็ต้องแลกมากับจำนวนคนที่เยอะขึ้น
- ถาม : ถ้ามีเวลาจำกัดแค่ครึ่งวัน ควรเลือกไปที่ไหนดีที่สุด?
- ตอบ : ถ้ามีเวลาจำกัดจริง ๆ เราขอแนะนำให้เลือกโฟกัสที่ “ย่านมินาโตะมิไร 21” เป็นหลัก เพราะในบริเวณนี้คุณจะได้สัมผัสความเป็นโยโกฮาม่าครบที่สุด ทั้งการชมวิวที่โกดังอิฐแดง, ถ่ายรูปกับชิงช้าสวรรค์ Cosmoworld และเดินเล่นริมทะเล ซึ่งเป็นหัวใจของเมืองนี้เลย
- ถาม : การใช้จ่ายในโยโกฮาม่า รับบัตรเครดิต หรือ IC Card (Suica/Pasmo) ไหม?
- ตอบ : สถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ ๆ, ร้านอาหารในห้าง, ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าส่วนใหญ่รับทั้งบัตรเครดิตและ IC Card ครับ แต่สำหรับร้านค้าสตรีทฟู้ดในไชน่าทาวน์ หรือร้านค้าเล็กๆ บางแห่ง อาจยังรับเฉพาะเงินสด แนะนำให้พกเงินสดติดตัวไว้บ้างจะสะดวกที่สุด
- ถาม : ถ้าไปเที่ยวในวันที่ฝนตก ควรปรับแผนไปเที่ยวที่ไหนดี?
- ตอบ : โยโกฮาม่ามีที่เที่ยวในร่มดี ๆ เยอะมาก ถ้าฝนตกสามารถปรับแผนไปที่พิพิธภัณฑ์ราเมน โยโกฮาม่า, พิพิธภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, เดินช้อปปิ้งในโกดังอิฐแดง หรือห้าง Landmark Plaza และปิดท้ายด้วยการขึ้นไปชมวิวบนตึก Landmark Tower ได้สบาย ๆ เลย
- ถาม : โยโกฮาม่าเหมาะกับการพาเด็กๆ ไปเที่ยวไหม?
- ตอบ : เหมาะมาก! กิจกรรมทำบะหมี่ถ้วยเองที่ Cup Noodles Museum เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ เสมอ สวนสนุก Cosmoworld ก็มีเครื่องเล่นสำหรับเด็ก และสวนสาธารณะยามาชิตะก็มีพื้นที่กว้างขวางให้วิ่งเล่นได้อย่างปลอดภัย
- ถาม : การเดินทางคนเดียวไปเที่ยวโยโกฮาม่าปลอดภัยไหม โดยเฉพาะตอนกลางคืน?
- ตอบ : ปลอดภัยมาก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง และย่านท่องเที่ยวหลักอย่างมินาโตะมิไรในตอนกลางคืนก็สว่างไสวและมีผู้คนเดินเล่นอยู่เสมอ ทำให้บรรยากาศคึกคักและไม่น่ากลัว เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียว
เที่ยวญี่ปุ่นง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเองไปกับ TRIP JAPAN ONLINE
นอกเหนือจากการให้ข้อมูลท่องเที่ยวแล้ว ภารกิจหลักของเราคือการทำให้ทริปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น, สนุก และน่าประทับใจที่สุด เราจึงมีบริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการในการเดินทางของคุณ
เปลี่ยนเรื่องยุ่งยากในการวางแผนเที่ยวต่างประเทศให้กลายเป็นเรื่องง่าย! บอกลาความปวดหัวและเสียเวลาไปได้เลย ด้วยบริการจัดแผนการท่องเที่ย ที่ครอบคลุมครบทุกมิติ ทั้งเรื่องกิน, เรื่องเที่ยว, ที่พัก, ที่ช้อป พร้อมแผนที่และรายละเอียดการเดินทางที่ใช้งานได้จริง ช่วยให้คุณเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างมีความสุขและสนุกตลอดทั้งทริป ไม่ว่าจะเที่ยวกี่วัน ก็สามารถเลือกแพลนในแบบฉบับของคุณเองได้

“ใคร ๆ ก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ เที่ยวสนุกสุดคุ้ม อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น ให้เราช่วยออกแบบแพลนเที่ยวได้เลย”