ใครที่กำลังมีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือกำลังหาข้อมูลเตรียมตัวก่อนเดินทางยกมือขึ้น! ญี่ปุ่นเป็นประเทศในฝันของใครหลาย ๆ คนเลยเนอะ ทั้งที่เที่ยวสวย ๆ อาหารอร่อย ๆ ช้อปปิ้งเพลิน ๆ แต่เดี๋ยวก่อน! ก่อนจะแพ็คกระเป๋าไปฟินกับทริปในฝัน เรามีเรื่องสำคัญมาก ๆ ที่อยากจะมาเตือนทุกคน นั่นก็คือเรื่อง “ยา” นั่นเอง เชื่อไหมว่า ยาที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำในชีวิตประจำวัน บางชนิดอาจกลายเป็น “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น” ได้แบบไม่รู้ตัว! อย่าเพิ่งตกใจไป ไม่ได้จะมาขู่ให้กลัวนะ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวไทยหลายคนแล้ว บางคนโดนกักตัวที่สนามบิน บางคนถึงขั้นโดนปรับเงินก้อนโต หรือร้ายแรงกว่านั้นคือโดนส่งตัวกลับประเทศเลยก็มี!

แล้วรู้ไหม? ว่ายาแก้ปวดหัว ยาแก้แพ้ หรือแม้กระทั่งยาคุมที่เรากินกันอยู่ อาจจะเข้าข่ายยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่นได้? ฟังดูน่าตกใจใช่ไหมล่ะคะ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ! วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กันแบบละเอียด ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับ 11 รายการ “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น” ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ อัปเดตข้อมูลล่าสุดปี 2025 พร้อมบอกวิธีเช็กยาที่เราใช้อยู่ว่าเข้าข่ายยาต้องห้ามหรือไม่ รวมถึงข้อควรปฏิบัติ และบทลงโทษหากฝ่าฝืน เพื่อให้ทริปญี่ปุ่นของทุกคนราบรื่น ปลอดภัย ไร้กังวล!
ทำไมถึงต้องรู้เรื่อง “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น”?

เรื่องยาไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเดินทางไปต่างประเทศ อย่างประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดและมีระเบียบวินัยสูง กฎหมายเกี่ยวกับยาของเขาก็เข้มงวดมาก ๆ เช่นกัน ไม่ใช่แค่ยาเสพติดเท่านั้นนะที่ห้าม ยาที่เราใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวันบางชนิดก็อาจเข้าข่าย “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น” ได้เหมือนกัน
ตามกฎหมายของญี่ปุ่น (อ้างอิง : https://www.th.emb-japan.go.jp) ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่ายาประเภทไหนบ้างที่ห้ามนำเข้าประเทศโดยเด็ดขาด และยาประเภทไหนที่ต้องมีใบรับรองแพทย์หรือเอกสารประกอบเพิ่มเติม เหตุผลที่เค้าเข้มงวดขนาดนี้ก็เพราะว่า ญี่ปุ่นต้องการควบคุมการใช้ยาให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ป้องกันการใช้ยาในทางที่ผิด และรักษาสุขภาพของประชาชน
แล้วถ้าเราไม่รู้ แล้วเผลอพกยาต้องห้ามเข้าไปล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น? บอกเลยว่าเรื่องใหญ่แน่นอน!
- ร้ายแรงกว่านั้น : คือโดนส่งตัวกลับประเทศทันที แถมยังถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าญี่ปุ่นอีกเลยก็เป็นได้!
- ด่านแรก : อาจจะโดนเจ้าหน้าที่ ตม. กักตัวไว้สอบสวนที่สนามบินเลย เสียเวลา เสียอารมณ์ แถมอาจจะทำให้แผนเที่ยวที่วางไว้พังไม่เป็นท่า
- ถ้าโชคร้ายหน่อย : อาจจะโดนปรับเงิน ซึ่งค่าปรับก็ไม่ใช่ถูก ๆ
เห็นไหมว่า ผลกระทบที่ตามมามันร้ายแรงขนาดไหน การที่เราศึกษาข้อมูลเรื่อง “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น” ให้ดีก่อนเดินทาง จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ไม่ใช่แค่เพื่อป้องกันไม่ให้โดนจับ หรือเสียค่าปรับนะ แต่ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อกฎหมายของประเทศเขา และช่วยให้ทริปญี่ปุ่นของเราเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยอีกด้วย
11 “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น” ที่ต้องรู้!

ก่อนที่เราจะไปดูรายการยาแต่ละตัว ต้องย้ำกันก่อนเลยว่า รายชื่อยาที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ เป็นเพียงตัวอย่าง ของยาที่พบบ่อย ๆ ว่ามีข้อห้ามในการนำเข้าญี่ปุ่น ไม่ใช่รายการยาทั้งหมด ที่ห้ามนำเข้า และสถานะของยาบางชนิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทางที่ดีที่สุดคือ ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับแหล่งข้อมูลทางการ เช่น เว็บไซต์ของสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย หรือกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ก่อนเดินทางทุกครั้ง เพื่อให้เข้าใจง่าย เราจะจัดกลุ่มยาออกเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะการใช้งาน
ยาแก้ปวด ลดไข้
- 1. ยาที่มีส่วนผสมของโคเดอีน (Codeine) :
- เหตุผลที่ห้าม : โคเดอีนเป็นสารเสพติดในกลุ่มโอปิออยด์ (Opioid) มีฤทธิ์ระงับปวดและกดการหายใจ การนำเข้าต้องมีใบรับรองแพทย์และได้รับอนุญาต
- ตัวอย่างชื่อยา : ยาแก้ไอผสมโคเดอีน, ยาแก้ปวดผสมโคเดอีน (เช่น Tylenol with Codeine)
- ข้อควรรู้ : ตรวจสอบฉลากยาแก้ปวดและยาแก้ไอทุกชนิด หากมี Codeine ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหายาทดแทนหรือขอใบรับรองแพทย์
- ปริมาณที่อนุญาต (ถ้ามี) : โดยทั่วไป ไม่อนุญาต ให้นำเข้า หากไม่มีใบรับรองแพทย์และไม่ได้รับอนุญาตจาก MHLW
- 2. ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs บางชนิด (เช่น Ibuprofen ในปริมาณสูง) :
- เหตุผลที่ห้าม : ญี่ปุ่นจำกัดปริมาณ Ibuprofen ที่สามารถนำเข้าได้โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์
- ตัวอย่างชื่อยา : Brufen, Nurofen, Advil (ในบางประเทศ)
- ข้อควรรู้ : หากนำเข้าเกินปริมาณที่กำหนดจะต้องมีใบรับรองแพทย์
- ปริมาณที่อนุญาต (ถ้ามี) : ปรึกษาแพทย์/เภสัชกร หรือตรวจสอบกับ MHLW
- ยาที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) เกินปริมาณที่กำหนด :
- เหตุผลที่ห้าม : ซูโดอีเฟดรีนเป็นสารกระตุ้นที่สามารถนำไปใช้ผลิตสารเสพติดได้
- ตัวอย่างชื่อยา : Actifed, Sudafed, ยาแก้หวัดสูตรผสมหลายชนิด
- ข้อควรรู้ : ญี่ปุ่นมีข้อกำหนดปริมาณซูโดอีเฟดรีนที่เข้มงวดมาก ควรหลีกเลี่ยงการนำยาที่มีส่วนผสมนี้เข้าประเทศ หรือปรึกษาแพทย์
- ปริมาณที่อนุญาต (ถ้ามี) : ตรวจสอบกับ MHLW
ยาแก้หวัด แก้แพ้
- 3. ยาแก้แพ้บางชนิดที่มีส่วนผสมของสารกระตุ้น (เช่น Diphenhydramine) :
- เหตุผลที่ห้าม : Diphenhydramine มีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม และอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ในญี่ปุ่นจัดเป็นยาที่ต้องควบคุม
- ตัวอย่างชื่อยา : Benadryl, Dimetapp (บางสูตร)
- ข้อควรรู้ : ควรตรวจสอบฉลากยาแก้แพ้ทุกครั้งก่อนนำเข้าญี่ปุ่น
- ปริมาณที่อนุญาต (ถ้ามี) : อาจต้องมีใบรับรองแพทย์ ขึ้นอยู่กับปริมาณ
- 4. ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของ Dextromethorphan เกินปริมาณที่กำหนด :
- เหตุผลที่ห้าม : Dextromethorphan เป็นสารกดการไอที่อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
- ตัวอย่างชื่อยา : Romilar, A-Methaphed
- ข้อควรรู้ : ญี่ปุ่นมีข้อกำหนดปริมาณ Dextromethorphan ที่เข้มงวด
- ปริมาณที่อนุญาต (ถ้ามี) : ตรวจสอบกับ MHLW
ยารักษาโรคทางจิตเวช
- 5. ยากลุ่ม Benzodiazepines (เช่น Diazepam, Alprazolam) :
- เหตุผลที่ห้าม : Benzodiazepines เป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องมีใบรับรองแพทย์และเอกสารประกอบ (ใบอนุญาตนำเข้าจาก MHLW)
- ตัวอย่างชื่อยา : Valium, Xanax
- ข้อควรรู้ : ต้องขอใบรับรองแพทย์และ Yakkan Shoumei (ใบรับรองการนำเข้ายา)
- 6. ยากลุ่ม Stimulants (เช่น Methylphenidate) :
- เหตุผลที่ห้าม : Methylphenidate เป็นยากระตุ้นประสาท ใช้รักษาโรคสมาธิสั้น (ADHD) แต่มีโอกาสนำไปใช้ในทางที่ผิดสูง ในญี่ปุ่น ห้ามนำเข้า แม้มีใบรับรองแพทย์
- ตัวอย่างชื่อยา : Ritalin, Concerta
- ข้อควรรู้ : หากจำเป็นต้องใช้ยาในกลุ่มนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหายาทดแทนที่ได้รับอนุญาตในญี่ปุ่น
ยาอื่น ๆ
- 7.ยาที่มีส่วนผสมของกัญชา (CBD, THC) :
- เหตุผลที่ห้าม : กัญชาและผลิตภัณฑ์จากกัญชา (ไม่ว่าจะเป็น CBD หรือ THC) ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในญี่ปุ่น ห้ามนำเข้า เด็ดขาด
- ตัวอย่าง : น้ำมัน CBD, ขนมผสมกัญชา, ยาที่สกัดจากกัญชา
- ข้อควรรู้ : แม้ว่า CBD จะถูกกฎหมายในบางประเทศ แต่ในญี่ปุ่นถือว่าผิดกฎหมาย
- 9.ยาที่มีส่วนผสมของสารเสพติด :
- เหตุผลที่ห้าม : สารเสพติดทุกชนิดเป็นสิ่งผิดกฎหมายในญี่ปุ่น ห้ามนำเข้า เด็ดขาด
- ตัวอย่าง : เฮโรอีน, โคเคน, ยาบ้า, ยาอี
- ข้อควรรู้ : อย่ารับฝากของจากคนแปลกหน้า เพราะอาจมีสารเสพติดซุกซ่อนอยู่
- 8. ยาบางชนิดที่ใช้ในการรักษาโรคเรื้อรัง :
- เหตุผลที่ห้าม : ยาบางชนิดอาจต้องมีใบรับรองแพทย์และเอกสารเพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่าใช้เพื่อการรักษาจริง
- ตัวอย่าง : อินซูลิน (สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน), ยาพ่นสำหรับโรคหอบหืด, ยาสำหรับโรคหัวใจ (บางชนิด)
- ข้อควรรู้ : ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอใบรับรองแพทย์ และสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่จำเป็น
สำคัญมาก :
- 10.Yakkan Shoumei (薬監証明) : สำหรับยาบางชนิด (โดยเฉพาะยาควบคุมพิเศษ) นอกจากใบรับรองแพทย์แล้ว อาจต้องมี Yakkan Shoumei ซึ่งเป็นใบรับรองการนำเข้ายาที่ออกโดย MHLW ของญี่ปุ่น การขอ Yakkan Shoumei ต้องทำล่วงหน้าก่อนเดินทาง และมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมการให้ดี
- 11.ยานอนหลับกลุ่ม Benzodiazepines (เบนโซไดอะซีปีน) ต้องระวังเป็นพิเศษเลยนะ ยาในกลุ่มนี้ เช่น Diazepam (ไดอะซีแพม) ที่เรารู้จักกันในชื่อ Valium (วาเลียม), หรือ Alprazolam (อัลปราโซแลม) ที่ชื่อทางการค้าคือ Xanax (ซาแน็กซ์) จัดเป็นยาควบคุมพิเศษในญี่ปุ่น

อ้างอิงรูปภาพ : https://www.healthline.com
การนำยาในกลุ่มนี้เข้าญี่ปุ่น จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์ ที่ระบุชื่อยา ปริมาณที่ใช้ และเหตุผลในการใช้ยา เป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่น และที่สำคัญมากๆ คือต้องมีเอกสารที่เรียกว่า Yakkan Shoumei (ยักกันโชเม) ด้วยค่ะ เอกสารนี้เป็นเหมือนใบอนุญาตให้นำยาเข้าประเทศ ออกโดยกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น (MHLW) ซึ่งการขอ Yakkan Shoumei เนี่ย มีขั้นตอนและรายละเอียดที่ต้องเตรียมพอสมควรเลยค่ะ แนะนำให้ติดต่อสอบถามกับทางสถานทูตญี่ปุ่น
จำไว้เสมอว่า ข้อมูลที่ให้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น การตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับแหล่งข้อมูลทางการ และปรึกษาแพทย์/เภสัชกร คือสิ่งที่ดีที่สุด
วิธีตรวจสอบว่ายาของเราเข้าข่าย “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น” หรือไม่

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงเริ่มกังวลแล้วว่า “เอ๊ะ! แล้วยาที่เราใช้อยู่ล่ะ จะเป็นยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่นรึเปล่านะ?” ไม่ต้องห่วงค่ะ เรามีวิธีตรวจสอบง่าย ๆ มาฝาก
- ปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรคู่ใจ : วิธีที่ชัวร์ที่สุดคือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเลย บอกคุณหมอหรือเภสัชกรว่าเรากำลังจะไปญี่ปุ่น และให้เค้าช่วยเช็กยาที่เราใช้อยู่ว่ามีตัวไหนเข้าข่ายยาต้องห้าม หรือต้องมีใบรับรองแพทย์หรือไม่ ถ้ามียาตัวไหนที่ใช้ไม่ได้ คุณหมอจะได้แนะนำยาตัวอื่นที่ปลอดภัยกว่าให้เราได้
- เช็กข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ : นอกจากปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแล้ว เรายังสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย หรือเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ในเว็บไซต์เหล่านี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบการนำยาเข้าประเทศญี่ปุ่นอย่างละเอียดเลย
- ส่องฉลากยา เช็กส่วนผสม : อีกวิธีที่ง่ายมาก ๆ คือ อ่านฉลากยา ดูตรงส่วนประกอบสำคัญ (Active Ingredients) ว่ามีตัวยาอะไรบ้าง แล้วลองเอาชื่อยาไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต หรือเทียบกับรายการยาต้องห้ามที่เราได้บอกไปข้างต้น ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ ก็ถ่ายรูปฉลากยาไปให้คุณหมอหรือเภสัชกรช่วยดูได้
- เก็บยาไว้ในแพ็คเกจเดิม : ข้อนี้สำคัญมาก! อย่าแกะยาออกจากแผง หรือเทยาใส่ตลับรวม ๆ กัน เพราะเจ้าหน้าที่อาจจะไม่รู้ว่ายาที่เรานำเข้าไปคือยาอะไร และอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นยาต้องห้ามได้ ทางที่ดีที่สุดคือ เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิมที่มีฉลากยาครบถ้วน และถ้าต้องมีใบรับรองแพทย์ ก็พกติดตัวไปด้วยเลย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

- คำถาม : ถ้าฉันจำเป็นต้องใช้ยาประจำตัวที่เข้าข่าย “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น” จริง ๆ จะทำยังไงได้บ้าง?
- คำตอบ : ปรึกษาแพทย์เพื่อขอใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่น ระบุชื่อยา ปริมาณ และเหตุผลในการใช้ยา จากนั้นติดต่อสถานทูตญี่ปุ่นเพื่อสอบถามขั้นตอนการขออนุญาตนำยาเข้าประเทศ
- คำถาม : ยาคุมกำเนิด ถือเป็นยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่นไหม?
- คำตอบ : โดยทั่วไปยาคุมกำเนิดส่วนใหญ่สามารถนำเข้าได้ แต่ควรนำไปในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานส่วนตัว และเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิม หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- คำถาม : ฉันสามารถซื้อยาแก้ปวดหรือยาแก้หวัดที่ญี่ปุ่นได้ไหม?
- คำตอบ : ได้ ญี่ปุ่นมียาแก้ปวดและยาแก้หวัดจำหน่ายทั่วไป แต่ส่วนผสมและปริมาณยาอาจแตกต่างจากยาในประเทศไทย หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา
- คำถาม : ถ้าฉันลืมพกใบรับรองแพทย์สำหรับยาที่ต้องมีใบรับรอง จะเกิดอะไรขึ้น?
- คำตอบ : อาจถูกเจ้าหน้าที่กักตัว สอบสวน และอาจถูกยึดยา หรือร้ายแรงกว่านั้นคือถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ
หวังว่าข้อมูลเรื่อง “ยาห้ามนําเข้าญี่ปุ่น” ที่เราจัดเต็มมาให้ จะช่วยให้ทุกคนเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างมั่นใจ สรุปง่าย ๆ ก็คือ ก่อนแพ็คกระเป๋า อย่าลืมเช็กยาที่เราจะพกไปด้วยให้ดี ปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกร เช็กข้อมูลจากสถานทูตญี่ปุ่น และเตรียมเอกสารให้พร้อม ถ้าทำตามนี้ รับรองว่าทริปญี่ปุ่นของเราจะราบรื่น ไม่มีสะดุดแน่นอน
และที่สำคัญ อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้เพื่อน ๆ หรือคนรู้จักที่กำลังมีแพลนจะไปญี่ปุ่นด้วยนะ ข้อมูลนี้มีประโยชน์มาก ๆ จะได้เที่ยวกันอย่างสนุกและปลอดภัยทั้งแก๊งค์เลย! แต่เดี๋ยวก่อน! สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังรู้สึกว่า “โอ้โห ข้อมูลเยอะจัง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี” หรือ “อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบสบาย ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องวางแผน” เรามีตัวช่วยพิเศษมาแนะนำ
Trip Japan Online : เพื่อนคู่ใจ เที่ยวญี่ปุ่นง่ายกว่าที่คิด

เคยไหม ที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง? ไม่รู้จะไปที่ไหน? กินอะไร? พักที่ไหน? เดินทางยังไง? หรือกังวลว่าจะเจอเรื่องไม่คาดฝันระหว่างทริป? ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้ามี Trip Japan Online เป็นเพื่อนคู่ใจ!
Trip Japan Online ไม่ได้เป็นแค่เว็บไซต์หรือแอปธรรมดา ๆ แต่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่รู้ใจเรื่องญี่ปุ่นมาก ๆ เพราะทีมงานของเราคือไกด์นำเที่ยวชาวไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นมานานกว่า 10 ปี! เรียกว่าคลุกคลีอยู่กับญี่ปุ่นจนรู้ลึก รู้จริง ทุกซอกทุกมุม
ทีมงานของเราเคยเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นมาแล้ว ทำให้รู้ว่าที่ไหนสวย ที่ไหนเด็ด ที่ไหนลับ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก แถมยังรู้เคล็ดลับการเดินทาง การกิน การช้อป ที่จะช่วยให้ทริปของคุณพิเศษกว่าใคร
ทำไมต้อง Trip Japan Online?
- รู้จริงเรื่องญี่ปุ่น : เพราะเรามีไกด์คนไทยที่อยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
- เปิดโลกมุมมองใหม่ : เราจะพาคุณไปสัมผัสสถานที่ Unseen ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
- แผนเที่ยว Personalized : ไม่ว่าคุณจะชอบเที่ยวแบบไหน เราก็จัดให้ได้ จะเที่ยวเอง หรือให้เราวางแผนให้ ก็เลือกได้ตามใจ
- หมดกังวลเรื่องการเดินทาง : เรามีคำแนะนำเรื่องการเดินทาง ที่พัก ที่กิน ที่ช้อป แบบละเอียด
- เที่ยวสนุก ปลอดภัย ไร้กังวล : เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือตลอดทริป
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวมือใหม่ หรือเคยไปญี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง Trip Japan Online ก็พร้อมที่จะเป็นเพื่อนคู่ใจ ช่วยให้ทริปญี่ปุ่นของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
“ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไม่ได้ยากอย่างที่คิด! @tripjapanonline พร้อมเป็นผู้ช่วยให้คุณเที่ยวญี่ปุ่นอย่างสนุก คุ้มค่า และประทับใจ!”

แหล่งข้อมูลอ้างอิง