Skip to content
Home » อัปเดตปี 2025 ย่านชินจูกุ โตเกียว มีอะไรใหม่? เที่ยว กิน ช้อป จบที่เดียว!

อัปเดตปี 2025 ย่านชินจูกุ โตเกียว มีอะไรใหม่? เที่ยว กิน ช้อป จบที่เดียว!

  • admin 
ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025! แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน!

หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองและกำลังมองหาย่านที่ครบจบในโตเกียว “ย่านชินจูกุ โตเกียว” ที่นี่คือศูนย์กลางที่ไม่เคยดับ เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องปักหมุด ไม่ว่าคุณจะเป็นสายกิน สายช้อป หรือสายเที่ยว ชินจูกุมีทุกอย่างรอให้คุณมาสัมผัส บทความนี้จะเปรียบเสมือนไกด์ส่วนตัวที่จะพาคุณไปเที่ยวทุกซอกทุกมุมของชินจูกุฉบับอัปเดตล่าสุดปี 2025 ตั้งแต่แลนด์มาร์กใหม่ที่ต้องไปเช็กอิน ร้านอาหารเด็ดที่ห้ามพลาด แหล่งช้อปปิ้งละลายทรัพย์ ไปจนถึงจุดเที่ยวสุดปัง เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปตะลุยย่านที่น่าตื่นเต้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลกพร้อมกันเลย!

เคยสงสัยไหมว่าทำไมใคร ๆ ก็ต้องมาที่ชินจูกุ? เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ ที่นี่เป็นศูนย์กลางของมหานครโตเกียว โดยมี “สถานีรถไฟชินจูกุ” ซึ่งได้รับการบันทึกสถิติโลกจาก Guinness World Records ว่าเป็นสถานีรถไฟที่คนเยอะที่สุดในโลก เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางไปทั่วทุกทีในญี่ปุ่น

เสน่ห์ของย่านนี้คือความหลากหลายที่แบ่งออกเป็นสองฝั่งหลัก ๆ ซึ่งมีบรรยากาศแตกต่างกัน :

  • ฝั่งตะวันออก (East Side) : โซนแห่งความบันเทิงและไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหายไป เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าแฟชั่นชั้นนำ, ย่านคาบูกิโจ (Kabukicho) ที่สว่างไสวด้วยแสงไฟนีออน, และจุดถ่ายรูปสุดไวรัลอย่างจอแมวยักษ์ 3 มิติ
  • ฝั่งตะวันตก (West Side) : ย่านธุรกิจที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูง ให้บรรยากาศที่เป็นระเบียบและทันสมัย เป็นที่ตั้งของอาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) ที่เราสามารถขึ้นไปชมวิวได้ฟรี!

การเดินทางมายังศูนย์กลางอย่างชินจูกุนั้นสะดวกสบายและมีหลากหลายวิธีให้เลือก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง

ตารางเปรียบเทียบวิธีการเดินทางยอดนิยมจากสนามบินหลักสองแห่งของโตเกียว เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น :

วิธีการเดินทางจากสนามบินนาริตะ (NRT)จากสนามบินฮาเนดะ (HND)เหมาะสำหรับ
Narita Express (N’EX)~90 นาที (ตรงถึงชินจูกุ)คนที่ต้องการความเร็ว สะดวกสบาย ไม่ต้องลากกระเป๋าเปลี่ยนสาย
Limousine Bus~100-140 นาที~50-80 นาทีคนที่มีสัมภาระเยอะ พักโรงแรมใหญ่ๆ (รถจอดส่งถึงหน้าโรงแรม)
รถไฟสายปกติ~100-120 นาที (ต้องเปลี่ยนสาย)~50-60 นาที (ต้องเปลี่ยนสาย)นักเดินทางสายประหยัด ไม่รีบร้อน และมีสัมภาระไม่มาก

สำหรับคนที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่นครั้งแรกและมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ผมแนะนำ Limousine Bus เป็นอย่างยิ่ง แม้จะช้ากว่ารถไฟเล็กน้อย แต่ความสะดวกสบายในการที่รถจะไปส่งคุณถึงหน้าโรงแรมหรือใกล้เคียงนั้น คุ้มค่ามากกับการไม่ต้องลากกระเป๋าฝ่าฝูงชนในสถานีชินจูกุ

ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025 แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน
  • การเดินเท้า : เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสำรวจแต่ละโซนย่อย คุณจะได้ซึมซับบรรยากาศ สังเกตวิถีชีวิตผู้คน และอาจเจอร้านค้าน่ารักๆ โดยบังเอิญ
  • รถไฟ JR Yamanote Line (สายสีเขียว) : เป็นเหมือนเส้นเลือดหลักที่เชื่อมต่อย่านสำคัญๆ รอบโตเกียว เหมาะสำหรับการเดินทางจากชินจูกุไปยังชิบูย่า, ฮาราจูกุ หรืออุเอโนะ
  • รถไฟใต้ดิน (Tokyo Metro / Toei Subway) : มีหลายสายที่วิ่งผ่านชินจูกุ เช่น Marunouchi Line (สายสีแดง) และ Oedo Line (สายสีม่วงแดง) ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางไปยังจุดที่รถไฟ JR เข้าไม่ถึง

ชินจูกุมีอะไรมากกว่าแค่สถานีรถไฟ มาดูกันว่าแต่ละโซนมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง

โซนแห่งความบันเทิงและไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหายไป เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าแฟชั่นชั้นนำ, ย่านคาบูกิโจ (Kabukicho) ที่สว่างไสวด้วยแสงไฟนีออน, และจุดถ่ายรูปสุดไวรัลอย่างจอแมวยักษ์ 3 มิติ

“ย่านคาบูกิโจ” (Kabukicho) ที่นี่คือย่านบันเทิงยามค่ำคืนที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ภาพของถนนที่สว่างไปด้วยแสงไฟนีออนนับพันป้าย เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม และผู้คนมากมายที่เดินกันมากมาย คือภาพจำที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง แม้ในอดีตอาจมีภาพลักษณ์ที่เข้าถึงยาก แต่ปัจจุบันคาบูกิโจได้ปรับโฉมกลายเป็นแหล่งรวมความบันเทิงครบวงจรที่เปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ตั้งแต่ร้านอาหารอร่อย, อิซากายะ, คาราโอเกะ, เกมเซ็นเตอร์ ไปจนถึงโรงภาพยนตร์และแลนด์มาร์กยุคใหม่อย่าง Tokyu Kabukicho Tower การได้มาเดินสำรวจในย่านนี้ช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดิน คือที่สุด

ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025 แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน
  • เวลาที่ควรไป : ย่านนี้จะเริ่มคึกคักอย่างเต็มที่ตั้งแต่เวลา “18:00 น. เป็นต้นไป” ร้านค้าและสถานบันเทิงส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการไปจนถึงเที่ยงคืนหรือบางร้านก็เปิดตลอด 24 ชั่วโมง การไปเดินในช่วงกลางวันจะค่อนข้างเงียบและอาจไม่เห็นบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของย่านนี้
  • แลนด์มาร์กห้ามพลาด :
    • ซุ้มประตูทางเข้า (Kabukicho Ichiban-gai) : ซุ้มประตูสีแดงที่มีตัวอักษรญี่ปุ่นขนาดใหญ่ คือจุดถ่ายรูปเช็กอินยอดนิยมที่สุด ใครมาก็ต้องถ่ายรูปที่นี่
    • Godzilla Head : มองขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึก Shinjuku Toho จะเห็นหัวก็อตซิลล่าขนาดมหึมา เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของย่าน
    • Tokyu Kabukicho Tower : ตึกระฟ้าแห่งใหม่ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร ทั้งฟู้ดฮอลล์ โรงหนัง และโรงแรม
  • ข้อควรระวัง : ระวัง “คนเชียร์แขก” ที่จะเข้ามาพูดคุยและชักชวนให้เข้าร้านของพวกเขา โดยอาจเสนอโปรโมชั่นที่ถูกเกินจริง
  • คำแนะนำ : ให้ปฏิเสธอย่างสุภาพ (“No, thank you”) และห้ามเดินตามไปเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บเงินค่าบริการแอบแฝงในราคาสูง ควรเลือกร้านที่เป็นเครือมีชื่อเสียง หรือร้านที่มีป้ายราคาติดบอกชัดเจนหน้าร้าน
  • การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Shinjuku ให้ใช้ทางออก “East Exit” แล้วเดินตรงมาประมาณ 5-10 นาที คุณจะเห็นซุ้มประตูทางเข้าสีแดงได้อย่างง่ายดาย

ใครจะไปเชื่อว่าเพียงไม่กี่ก้าวจากความวุ่นวายและแสงสีของย่านคาบูกิโจ จะมีพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อันเงียบสงบซ่อนตัวอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ “ศาลเจ้าฮานาโซโนะ” (Hanazono Shrine) คือโอเอซิสใจกลางชินจูกุ ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่แห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านและเหล่านักธุรกิจในย่านชินจูกุมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ ทันทีที่เดินผ่านเสาโทริอิสีแดงสดเข้าไป คุณจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปทันที ความสับสนวุ่นวายภายนอกจะถูกแทนที่ด้วยความสงบร่มรื่นภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแวะพักเพื่อสงบจิตใจ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือเพียงแค่มาเดินชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามและซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม

  • เรื่องที่นิยมขอพร : ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องการให้พรเกี่ยวกับ “ความสำเร็จในธุรกิจการค้า” และ “โชคลาภ” จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นนักธุรกิจแวะเวียนมาที่นี่อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าเล็ก ๆ ด้านในที่ให้พรเรื่องความรักและความสัมพันธ์อีกด้วย
  • ช่วงเวลาที่ไม่ควรพลาด : หากคุณมาเที่ยวโตเกียวในช่วงเดือนพฤศจิกายน ลองตรวจสอบวันจัดงาน “Tori-no-Ichi” (เทศกาลไก่) ซึ่งเป็นเทศกาลใหญ่ประจำปีของศาลเจ้า บรรยากาศจะคึกคักเป็นพิเศษ มีร้านค้าแผงลอยมาตั้งมากมาย และผู้คนจะมาซื้อ “คราดนำโชค” (Kumade) กลับไปเพื่อความเป็นสิริมงคล
  • ตลาดนัดวันอาทิตย์ : ในทุกวันอาทิตย์ (ยกเว้นวันที่สภาพอากาศไม่ดีหรือมีเทศกาลใหญ่) บริเวณศาลเจ้าจะมีการจัด “ตลาดนัดของเก่า (Antique Market)” เล็ก ๆ เป็นโอกาสดีที่จะได้มาเดินเลือกซื้อของเก่า ของสะสม และสัมผัสกับบรรยากาศที่แตกต่างออกไป
  • การเดินทาง : ศาลเจ้าฮานาโซโนะตั้งอยู่ใกล้กับทางออก “East Exit” ของสถานี JR Shinjuku หรือจะเดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน Shinjuku-sanchome (ทางออก E2) ก็จะใกล้กว่ามาก โดยใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาที

หนึ่งในจุดเช็กอินยุคใหม่ที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกและเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มายังย่านชินจูกุ ก็คือ “Cross Shinjuku Vision” หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า “น้องแมวยักษ์ 3 มิติ” ป้ายโฆษณาดิจิทัลแบบ 3 มิติ โค้งความละเอียดสูงระดับ 4K แห่งนี้ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการฉายภาพแมวสามสีพันธุ์คาลิโกขนาดยักษ์ที่เคลื่อนไหวได้อย่างสมจริงราวกับมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการขยับตัวไปมา ส่งเสียงร้องทักทายผู้คนที่เดินผ่านไปมา หรือแม้กระทั่งนอนหลับตอนกลางคืน ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดถ่ายรูปและวิดีโอที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเก็บภาพความน่ารักให้ได้

ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025 แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน
  • เวลาปรากฏตัว : น้องแมวจะไม่ได้ปรากฏตัวตลอดเวลา แต่จะออกมาทักทายสลับกับโฆษณาอื่นๆ โดยจะโผล่ออกมาเป็นช่วงสั้น ๆ ระหว่างช่วงพักโฆษณา (ประมาณทุก ๆ 15 นาที แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้) แต่ในช่วงเช้าตอนเปิดจอ (7:00 น.) และตอนกลางคืนก่อนปิดจอ (ประมาณ 1:00 น.) จะมีซีนพิเศษที่น้องแมวตื่นนอนและเข้านอน ซึ่งน่ารักมาก ๆ
  • จุดชมที่ดีที่สุด : เพื่อให้เห็นภาพเป็น 3 มิติที่สมจริงที่สุด ควรยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน บริเวณลานด้านหน้าสถานีรถไฟ JR ชินจูกุ ฝั่งทางออกทิศตะวันออก (East Exit) จะเป็นมุมที่ดีที่สุดครับ
  • การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Shinjuku ให้มองหาป้ายทางออก “East Exit” เมื่อออกมาแล้วจะเจอทางม้าลายขนาดใหญ่ ให้ข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีร้าน Studio ALTA คุณจะเห็นจอ Cross Shinjuku Vision ได้อย่างชัดเจน

หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดที่คุณสามารถทำได้ในโตเกียวก็คือการขึ้นไปชมวิวเมืองแบบ 360 องศาจากมุมสูง โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่เยนเดียว! ที่ “อาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียว” (Tokyo Metropolitan Government Building) ในย่านชินจูกุฝั่งตะวันตก คือจุดชมวิวที่คุณห้ามพลาดโดยเด็ดขาด อาคารแฝดดีไซน์สุดล้ำที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง เคนโซ ทังเกะ แห่งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางการบริหารของมหานครโตเกียวเท่านั้น แต่ยังเปิดหอชมวิวบนชั้น 45 ให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้ขึ้นไปชมความสวยงามของเมืองหลวงแห่งนี้ได้ฟรี ๆ จากความสูง 202 เมตรเหนือพื้นดิน คุณจะได้เห็นภาพของโตเกียวขยายออกไป ตึกที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ สวนสาธารณะสีเขียวขนาดใหญ่ และโครงข่ายถนนที่ตัดกันไปมา และยังเป็นจุดถ่ายรูปวิวเมืองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย

ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025 แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน
  • การเดินทาง : อาคารตั้งอยู่ใจกลางย่านชินจูกุฝั่งตะวันตก (West Side) สามารถเดินจากทางออก “West Exit” ของสถานี JR Shinjuku ได้โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที หรือวิธีที่ง่ายที่สุดคือ นั่งรถไฟใต้ดินสาย Oedo Line มาลงที่สถานี “Tochomae” ซึ่งจะมีทางออกเชื่อมเข้าสู่ตัวอาคารได้โดยตรง
  • มี 2 หอชมวิวให้เลือก : อาคารนี้มีหอชมวิว 2 ฝั่ง คือ หอทิศเหนือ (North Observatory) และ หอทิศใต้ (South Observatory) ซึ่งทั้งสองฝั่งจะเปิดให้เข้าชมสลับกันไป (ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการก่อนไป) โดยทั้งสองแห่งให้มุมมองที่สวยงามไม่แพ้กัน แต่หอทิศใต้จะมีมุมที่มองเห็นสะพานสายรุ้งและอ่าวโตเกียวได้ดีกว่าเล็กน้อย
  • ช่วงเวลาทองคำ (Golden Hour) : เคล็ดลับที่ดีที่สุดคือการไปถึงที่นั่น ช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดินประมาณ 30-45 นาที คุณจะได้สัมผัสกับวิวถึง 3 บรรยากาศในครั้งเดียว คือ วิวช่วงกลางวัน, วิวพระอาทิตย์ตกที่ขอบฟ้า และวิวเมืองยามค่ำคืนที่ตึกต่างๆ เริ่มเปิดไฟระยิบระยับ สวยงามจับใจมาก
  • โอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิ : ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งและอากาศดีมากๆ (โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว) คุณอาจโชคดีได้เห็นเงาของภูเขาไฟฟูจิอันงดงามปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้าฝั่งทิศตะวันตก
  • ขั้นตอนการขึ้นชม : เมื่อไปถึงชั้นล่างของอาคาร ให้มองหาป้าย “Observatory Elevator” จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจกระเป๋าสัมภาระเพื่อความปลอดภัย (ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก) จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ความเร็วสูงที่จะพาคุณไปยังชั้น 45 ได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

ก้าวเข้าสู่ “ตรอกโอโมอิเดะ โยโกโช” (Omoide Yokocho) ก็เหมือนกับการเดินทางย้อนเวลากลับไปยังโตเกียวในยุคโชวะ (ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2) ทันที ตรอกแคบ ๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นควันหอมของไก่ย่างเสียบไม้ (Yakitori) และโคมไฟสีแดงที่แขวนประดับอยู่ตลอดแนวแห่งนี้ คือภาพจำของญี่ปุ่นในอดีตที่ยังคงมีลมหายใจอยู่จนถึงปัจจุบัน ชื่อ “โอโมอิเดะ โยโกโช” มีความหมายว่า “ตรอกแห่งความทรงจำ” ซึ่งสื่อถึงบรรยากาศเก่า ๆ ได้เป็นอย่างดี ที่นี่เป็นที่ตั้งของร้านอาหารและร้านกินดื่ม (Izakaya) ขนาดจิ๋วนับสิบร้านที่ตั้งเบียดเสียดกัน สองข้างทาง แต่ละร้านมีที่นั่งเพียงไม่กี่ที่ เป็นเคาน์เตอร์บาร์ยาวที่ทำให้ลูกค้าได้นั่งใกล้ชิดกับพ่อครัว การได้มานั่งล้อมวง จิบเบียร์เย็น ๆ หรือสาเก พร้อมกับแกล้มร้อน ๆ ที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง

ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025 แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน
  • เมนูห้ามพลาด : อาหารขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่คือ “ยากิโทริ” (Yakitori) หรือไก่ย่างเสียบไม้สารพัดส่วน และ “มตสึยากิ” (Motsuyaki) หรือเครื่องในย่าง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ละร้านจะมีสูตรเด็ดและซอสรสชาติเฉพาะของตัวเอง ลองสุ่มเข้าไปสักร้านแล้วสั่งเมนูแนะนำของทางร้านได้เลย
  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุด : ร้านค้าส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วง “17:00 น. เป็นต้นไป” และจะคึกคักที่สุดในช่วงหัวค่ำ การไปในช่วงเวลานี้จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของมนุษย์เงินเดือนชาวญี่ปุ่นที่แวะมาผ่อนคลายหลังเลิกงานอย่างแท้จริง
  • ข้อปฏิบัติและมารยาท : เนื่องจากร้านมีขนาดเล็กมาก ควรไปกันเป็นกลุ่มเล็กๆ (ไม่เกิน 2-3 คน) และโดยทั่วไปแล้วลูกค้าจะต้องสั่งเครื่องดื่มอย่างน้อยคนละ 1 แก้ว และอาจมีค่าบริการหรือค่า “โอโทชิ” (Otoshi) ซึ่งเป็นกับแกล้มจานเล็กๆ ที่ทางร้านจะนำมาเสิร์ฟให้โดยอัตโนมัติ (เป็นธรรมเนียมปกติของร้านอิซากายะ)
  • การถ่ายรูป : สามารถถ่ายรูปบรรยากาศโดยรวมของตรอกได้ แต่หากจะถ่ายรูปภายในร้านหรือถ่ายรูปพ่อครัว ควรขออนุญาตก่อนเพื่อเป็นการให้เกียรติและไม่รบกวนลูกค้าท่านอื่น
  • การเดินทาง : ตรอกนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตก (West Side) ของสถานี JR Shinjuku ติดกับรางรถไฟเลย สามารถเดินจากทางออก “West Exit” โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที

ป่าคอนกรีตและตึกของย่านชินจูกุ มีพื้นที่สีเขียวขนาดมหึมาที่เป็นดั่งปอดและแหล่งพักพ่อนหย่อนใจที่ดีที่สุดของโตเกียวซ่อนตัวอยู่ นั่นคือ “สวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน” (Shinjuku Gyoen National Garden) สวนแห่งนี้ไม่ใช่แค่สวนสาธารณะธรรมดา แต่เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสวนที่มีความสวยงามและสำคัญที่สุดของญี่ปุ่น ความพิเศษของชินจูกุเกียวเอนคือการผสมผสานภูมิทัศน์ของสวนสวย 3 สไตล์ที่แตกต่างกันอย่างลงตัวไว้ในที่เดียว คือ สวนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่มีสระน้ำ สะพานไม้ และศาลากลางน้ำอันเงียบสงบ, สวนภูมิทัศน์แบบอังกฤษ ที่มีสนามหญ้ากว้างขวางสุดลูกหูลูกตาเหมาะแก่การปิกนิก, และสวนสไตล์ฝรั่งเศส ที่มีการจัดแต่งต้นไม้อย่างสมมาตรและสวนกุหลาบที่งดงาม การได้มาเดินเล่นที่นี่จึงเหมือนได้เดินทางท่องเที่ยวไปในหลายประเทศ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025 แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน
  • ฤดูไฮไลท์ที่ห้ามพลาด :
    • ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม – เมษายน) : ที่นี่คือหนึ่งในจุดชมซากุระที่ดีที่สุดในโตเกียว มีต้นซากุระกว่า 1,000 ต้นหลากหลายสายพันธุ์ ทำให้บานไล่เลี่ยกันและชมได้ยาวนานกว่าที่อื่น
    • ฤดูใบไม้ร่วง (กลางพฤศจิกายน – ต้นธันวาคม) : สวนจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะบริเวณสวนสไตล์ญี่ปุ่นและสวนอังกฤษที่จะสวยงามเป็นพิเศษ
  • ค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิด : สวนแห่งนี้มีค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 500 เยน (คุ้มค่ามาก) และมีเวลาเปิด-ปิดตามฤดูกาล (โดยทั่วไปจะเปิด 9:00 น. – 16:00 น.) ควรตรวจสอบเวลาที่แน่นอนจากเว็บไซต์ทางการอีกครั้งก่อนเดินทาง
  • ข้อบังคับสำคัญ : เพื่อรักษาความสงบและความสวยงามของสวน ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, อุปกรณ์กีฬา, และเครื่องดนตรีเข้าไป และควรเตรียมถุงสำหรับนำขยะของตัวเองกลับออกมาด้วย
  • เรือนกระจกสุดอลังการ : อย่าลืมแวะเข้าไปชมเรือนกระจก (Greenhouse) ที่อยู่ภายในสวน ซึ่งรวบรวมพรรณไม้เขตร้อนและกล้วยไม้สวยงามจากทั่วโลกไว้มากมาย และสามารถเข้าชมได้ฟรี (รวมอยู่ในค่าตั๋วแล้ว)
  • การเดินทาง : สวนมีทางเข้าหลายประตู ประตูที่นักท่องเที่ยวนิยมและเดินทางสะดวกที่สุดคือ “ประตูชินจูกุ (Shinjuku Gate)” ซึ่งสามารถเดินจากทางออก “South Exit” ของสถานี JR Shinjuku โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที หรือจะนั่งรถไฟใต้ดินสาย Marunouchi Line มาลงที่สถานี Shinjuku-gyoemmae (ทางออก 1) ก็จะใกล้ที่สุด

มาถึงเรื่องสำคัญที่สุด! ชินจูกุคือสวรรค์ของนักชิม มีร้านอาหารนับพันร้านให้เลือก นี่คือลิสต์บางส่วนที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง

ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025 แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน
  • Ichiran Ramen (ราเมงข้อสอบ) : ไม่ต้องพูดเยอะกับราเมงข้อสอบเจ้าดัง จุดเด่นคือการนั่งในคอกส่วนตัวและสามารถเลือกรสชาติซุป ความนุ่มของเส้น และท็อปปิ้งได้เองทั้งหมด
  • Udon Shin (อุด้งชิน) : ร้านอุด้งเส้นสดที่ต้องยอมต่อคิว เส้นอุด้งทำสดใหม่ทุกวัน มีความเหนียวนุ่มหนึบหนับ กินกับเทมปุระร้อนๆ คือที่สุด!
  • Rokkasen (รกคะเซ็น) : บุฟเฟ่ต์เนื้อย่างระดับพรีเมียมในตำนาน มีทั้งเนื้อวากิว ปูยักษ์ และอาหารทะเลสดๆ แม้ราคาจะสูง แต่คุณภาพคุ้มค่ากับการลงทุน
  • Tonkatsu Wako (ทงคัตสึ วาโก) : ร้านหมูทอดทงคัตสึที่มีสาขาทั่วไป แต่สาขาในชินจูกุก็ยังคงมาตรฐานความอร่อย หมูทอดกรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมข้าว กะหล่ำปลี และซุปที่เติมได้ไม่อั้น
  • Kakekomi Gyoza (คาเคโคมิ เกี๊ยวซ่า) : เกี๊ยวซ่ากระทะร้อนในย่านคาบูกิโจ บรรยากาศคึกคัก สนุกสนาน
  • Omoide Yokocho (โอโมอิเดะ โยโกโช) : ลองสุ่มเข้าไปสักร้าน สั่ง Yakitori (ไก่ย่างเสียบไม้) และเบียร์สด เป็นการสัมผัสวัฒนธรรมการกินดื่มแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ

ชินจูกุคือสมรภูมิของนักช้อป นี่คือตารางสรุปแหล่งช้อปปิ้งที่จะช่วยให้คุณวางแผนได้ง่ายขึ้น

ชื่อห้าง/ร้านค้าโดดเด่นเรื่องเหมาะสำหรับที่ตั้ง
Isetan Shinjukuห้างหรูระดับตำนาน, แฟชั่น Hi-End, Food Hall ชั้นใต้ดินอลังการผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์เนม, มองหาของกินของฝากคุณภาพสูงฝั่งตะวันออก
Takashimayaห้างสรรพสินค้าครบวงจร, มี Tokyu Hands และ Uniqlo อยู่ในตึกครอบครัว, คนที่ต้องการซื้อของหลากหลายประเภทในที่เดียวฝั่งใต้ (ติดสถานี)
Lumine (EST, 1, 2)แฟชั่นวัยรุ่นญี่ปุ่น 트렌디วัยรุ่น, คนที่ชอบแบรนด์เสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่นติดสถานี (หลายตึก)
BIC CAMERA / Yodobashi Cameraเครื่องใช้ไฟฟ้า, กล้อง, เกม, ฟิกเกอร์คนรักเทคโนโลยี, สายเกมเมอร์, คนมองหา Gadgetฝั่งตะวันออก/ตะวันตก
Don Quijote (ดองกิ)สินค้าทุกอย่าง, ของฝาก, ขนม, เครื่องสำอาง (เปิด 24 ชม.)ทุกคน! เหมาะกับการซื้อของฝากก่อนกลับฝั่งตะวันออก (คาบูกิโจ)

การเลือกที่พัก ชินจูกุ ใกล้สถานีรถไฟ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ทริปญี่ปุ่นของคุณง่ายขึ้นหลายเท่า เพราะที่นี่คือศูนย์กลางการเดินทางอย่างแท้จริง แต่ด้วยตัวเลือกที่มีมากมายตั้งแต่โรงแรมหรูหราไปจนถึงโฮสเทลราคาประหยัด อาจทำให้หลายคนเลือกไม่ถูก เราจึงได้แบ่งประเภทที่พักพร้อมแนะนำโรงแรมเด่น ๆ มาให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ตะลุย ย่านชินจูกุ โตเกียว อัปเดตปี 2025 แนะนำที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน แหล่งช้อปปิ้ง พร้อมวิธีเดินทาง วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองต้องอ่าน
  • Park Hyatt Tokyo :
    • ทำไมต้องที่นี่ : เป็นโรงแรมระดับไอคอนิกที่โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง “Lost in Translation” ตั้งอยู่บนชั้นสูงๆ ของตึก Shinjuku Park Tower ทำให้มองเห็นวิวเมืองได้แบบไม่มีอะไรมาบดบัง พร้อมการบริการระดับโลก สระว่ายน้ำในร่ม และบาร์ New York Bar อันเลื่องชื่อ
    • เหมาะสำหรับ : คู่รัก, นักเดินทางที่มองหาความหรูหราและเป็นส่วนตัว
  • Keio Plaza Hotel Tokyo :
    • ทำไมต้องที่นี่ : เป็นหนึ่งในโรงแรมขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในชินจูกุ มีห้องพักให้เลือกหลากหลายประเภท มีสระว่ายน้ำบนดาดฟ้า และมีจุดเด่นคือมีรถ Limousine Bus จากสนามบินมาจอดรับ-ส่งถึงหน้าโรงแรมเลย สะดวกสบายมาก
    • เหมาะสำหรับ : ครอบครัว, นักธุรกิจ, ผู้ที่เดินทางมาโตเกียวครั้งแรก
  • Hotel Gracery Shinjuku :
    • ทำไมต้องที่นี่ : ทำเลที่ตั้งดีเยี่ยมใจกลางคาบูกิโจ เดินเพียงไม่กี่นาทีจากสถานี JR Shinjuku และมีจุดเด่นคือหัวก็อตซิลล่าขนาดยักษ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม เป็นที่พักที่สนุกและตื่นเต้น
    • เหมาะสำหรับ : แฟนหนังก็อตซิลล่า, นักท่องเที่ยวที่ชอบความคึกคักและแสงสียามค่ำคืน
  • Shinjuku Washington Hotel :
    • ทำไมต้องที่นี่ : เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีทางเดินใต้ดินเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีชินจูกุได้เลย ทำให้เดินทางสะดวกมากในวันที่ฝนตกหรืออากาศไม่ดี มีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอยู่ใต้อาคารครบครัน
    • เหมาะสำหรับ : นักท่องเที่ยวที่เน้นความสะดวกในการเดินทางเป็นหลัก
  • APA Hotel & Resort (Nishi-Shinjuku Gochome Eki Tower) :
    • ทำไมต้องที่นี่ : แม้จะไม่ได้อยู่ติดสถานี JR Shinjuku โดยตรง แต่ก็ติดสถานีรถไฟใต้ดิน และเป็นโรงแรมในเครือ APA ที่มีชื่อเสียงเรื่องความสะอาดและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จุดเด่นของสาขานี้คือมี Onsen (โรงอาบน้ำแร่รวม) ขนาดใหญ่อยู่ชั้นบนสุดให้แช่ผ่อนคลายความเมื่อยล้าพร้อมชมวิวเมือง
    • เหมาะสำหรับ : คนที่อยากลองประสบการณ์แช่ออนเซ็นในเมือง
  • Shinjuku Kuyakusho-mae Capsule Hotel :
    • ทำไมต้องที่นี่ : เป็นโรงแรมแคปซูลยอดนิยมที่ตั้งอยู่ใจกลางคาบูกิโจ มีการแบ่งโซนชาย-หญิงชัดเจน มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบครัน รวมถึงห้องอาบน้ำรวมและซาวน่า เป็นตัวเลือกที่ดีในการลองประสบการณ์นอนแคปซูลสักครั้ง
    • เหมาะสำหรับ : นักเดินทางคนเดียว (Solo Traveler), ผู้ที่ต้องการประหยัดงบ
  • Book and Bed Tokyo Shinjuku :
    • ทำไมต้องที่นี่ : ที่นี่ไม่ใช่แค่ที่นอน แต่เป็นสวรรค์ของคนรักหนังสือ! คุณจะได้นอนในชั้นหนังสือจริงๆ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนและอ่านหนังสือเล่มโปรด เป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
    • เหมาะสำหรับ : หนอนหนังสือ, นักเดินทางที่มองหาที่พักที่มีคอนเซ็ปต์เฉพาะตัว
ชื่อโรงแรมระดับราคาเหมาะสำหรับจุดเด่นที่สุด
Park Hyatt Tokyo$$$$$คู่รัก / สายหรูหราวิวสุดอลังการและความเป็นส่วนตัว
Keio Plaza Hotel$$$$ครอบครัว / เดินทางครั้งแรกมีรถ Limousine Bus จอดส่งถึงที่
Hotel Gracery Shinjuku$$$ชอบความคึกคัก / แฟนหนังที่ตั้งใจกลางคาบูกิโจ / หัวก็อตซิลล่า
APA Hotel (Nishi-Shinjuku)$$ชอบความผ่อนคลายมี Onsen ให้แช่พร้อมชมวิว
Book and Bed Tokyo$นักเดินทางคนเดียว / รักการอ่านได้นอนในชั้นหนังสือ บรรยากาศไม่ซ้ำใคร

“ย่านชินจูกุ โตเกียว” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ทางผ่าน แต่เป็นจุดหมายปลายทางในตัวเอง ที่นี่คือภาพจำลองของโตเกียวที่ผสมผสานความทันสมัย ความวุ่นวาย วัฒนธรรมเก่าแก่ และธรรมชาติไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะกลับมาเยือนโตเกียวกี่ครั้ง ชินจูกุก็ยังมีสิ่งใหม่ ๆ ให้คุณค้นพบเสมอ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้คุณวางแผนเที่ยวชินจูกุได้อย่างสนุกและมั่นใจยิ่งขึ้น!

  • ถาม : ควรใช้เวลาเที่ยวกี่วันในชินจูกุ?
    • ตอบ : อย่างน้อย 1 วันเต็ม แต่ถ้าต้องการเจาะลึกทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก รวมถึงสวนสาธารณะและช้อปปิ้งแบบสบายๆ แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ 2 วัน
  • ถาม : ย่านชินจูกุปลอดภัยตอนกลางคืนหรือไม่?
    • ตอบ : โดยรวมแล้วปลอดภัยมาก โดยเฉพาะในบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน อย่างไรก็ตาม ในย่านคาบูกิโจควรระมัดระวังตัวจากผู้ที่เข้ามาเสนอขายบริการหรือชักชวนเข้าร้านแปลกๆ (Touts) เพียงแค่เดินผ่านและปฏิเสธไปก็ไม่มีปัญหาอะไร
  • ถาม : มีที่ฝากกระเป๋าเดินทางที่สถานีชินจูกุไหม?
    • ตอบ : มี Coin Locker ให้บริการจำนวนมากทั่วทั้งสถานี แต่ในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์อาจหาตู้ว่างขนาดใหญ่ได้ยาก แนะนำให้ไปใช้บริการช่วงเช้าตรู่ หรือมองหาบริการรับฝากกระเป๋าเอกชนรอบ ๆ สถานี

หลังจากที่คุณได้เห็นแล้วว่าแค่ย่านเดียวอย่างชินจูกุก็มีรายละเอียดมากมายขนาดไหน การวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นให้ครอบคลุมและราบรื่นตลอดทั้งทริปอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและข้อมูลเชิงลึกไม่น้อย แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะ TRIP JAPAN ONLINE พร้อมที่จะเป็นผู้ช่วยให้ทริปในฝันของคุณเป็นจริงได้อย่างง่ายดายและสมบูรณ์แบบที่สุด

เรามีบริการที่ออกแบบมาเพื่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองโดยเฉพาะ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ให้คุณได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับประสบการณ์ท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ให้การท่องเที่ยวต่างประเทศของคุณเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องปวดหัวกับข้อมูลที่กระจัดกระจายอีกต่อไป ด้วยบริการจัดแผนการท่องเที่ยว ที่ครอบคลุม :

  • ครบทุกเรื่อง : เราวางแผนให้ทั้งเรื่องกิน, เรื่องเที่ยว, ที่พัก, และแหล่งช้อปปิ้ง
  • เดินทางสะดวก : มาพร้อมแผนที่และรายละเอียดการเดินทางในแต่ละวัน ช่วยให้คุณไม่หลงทาง
  • เป็นสไตล์ของคุณ : ไม่ว่าจะเที่ยวกี่วัน หรือมีไลฟ์สไตล์แบบไหน ก็สามารถเลือกแพลนเที่ยวในแบบฉบับของคุณเองได้เลย
  • บริการจองรถเช่าในประเทศญี่ปุ่น : เดินทางส่วนตัวแบบอิสระ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือเดินทางเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นทริปคู่รัก, ทริปครอบครัว, หรือทริปแก๊งค์เพื่อน การเช่ารถคือคำตอบที่ใช่ที่สุด
  • บริการเสริมพิเศษ : เพื่อนร่วมทางอุ่นใจตลอดทริป นอกจากการวางแผนและเรื่องการเดินทาง เรายังดูแลคุณเหมือนเพื่อนที่เดินทางเคียงข้าง
  • บริการประสานงานช่วยเหลือ : ไม่ว่าจะมีเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน หรือเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างเดินทาง เราพร้อมช่วยเหลือและประสานงานให้คุณทันที
  • บริการแนะนำการท่องเที่ยว : รับข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวในมุมมองที่ลึกซึ้งกว่าใคร ทั้งร้านลับ หรือสถานที่สุดพิเศษ ที่จะทำให้ทริปของคุณ Exclusive ยิ่งกว่าเดิม

ให้ TRIP JAPAN ONLINE เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความทรงจำที่แสนวิเศษในการเดินทางไปญี่ปุ่นของคุณนะ