ข้อมูลเตรียมตัวก่อนเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

ดูเลย !! ข้อควรรู้ก่อนออกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะไปเที่ยวฟิน ๆ หรือไปช้อปกระจาย บอกเลยว่า ต้องอย่าลืมศึกษาหาข้อมูล เพราะทั้งวัฒนธรรมการกิน การปฎิบัติ และข้อกฎหมาย จะมีความแตกต่างจากไทยเรา  Trip Japan Online จึงไม่พลาดที่จะรวบรวมข้อมูลสำคัญ เป็นคู่มือให้คุณได้ศึกษาและไปเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบมืออาชีพ เที่ยวสนุก ประทับใจตลอดทั้งทริป

แบบสรุปเข้าใจง่าย

*หากต้องการอ่านแบบรายละเอียด ให้เลื่อนลงไปด้านล่าง หรือคลิก ตรงนี้

ข้อมูลประเทศญี่ปุ่นที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยว

การนำของขึ้นเครื่องบิน ข้อควรทราบ

เอกสารจำเป็น

กฎหมายและข้อควรรู้

ฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง

การแต่งตัวฤดูใบไม้ผลิ เที่ยวประเทศญี่ปุ่น

การแต่งตัวฤดูร้อน เที่ยวประเทศญี่ปุ่น

การแต่งตัวฤดูใบไม้ร่วง เที่ยวประเทศญี่ปุ่น

การแต่งตัวฤดูหนาว เที่ยวประเทศญี่ปุ่น

เอกสารจำเป็น สำหรับการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

Passport

เอกสารที่ขาดไม่ได้และห้ามหายเด็ดขาด Passport เอกสารสำคัญที่เราควรพกติดตัวไว้ เพราะการไปเที่ยวต่างประเทศ Passport นั้นเปรียบเหมือนกับบัตรประชาชนของเรา ช่วยยืนยันตัวตนได้ในกรณีฉุกเฉิน **Passport ควรมีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน**

ตั๋วเครื่องบิน

ทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปญี่ปุ่น ตั๋วเครื่องบินก็คืออีกหนึ่งเอกสารสำคัญ เพราะเราจะต้องใช้เป็นหลักฐานแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงเก็บข้อมูลการจองเอาไว้ด้วย โดยแนะนำว่าควรจองตั๋วเครื่องบินทั้งขาไปและขากลับ เพื่อยืนยันว่าเราไปเที่ยวโดยมีระยะเวลาที่ชัดเจน

เอกสารการจองโรงแรม

ไปเที่ยวไกลบ้านทั้งทีต้องหาที่พักดี ๆ ซักหน่อย ดังนั้นต้องอย่าลืมที่จะจองที่พักเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง แถมเรายังมีเวลาเปรียบเทียบอีกด้วย โดยแนะนำว่าควรจองที่พักให้เรียบร้อยและเก็บหลักฐานการจองไว้ด้วย เพื่อใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อมีการสอบถามนั่นเอง

ใบอนุญาตขับขี่สากล

ใบอนุญาตขับขี่สากล หรือชื่อทางการ “ใบขับขี่ระหว่างประเทศ (International Driving Permit หรือ IDP)”เป็นเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อให้ผู้ถือสามารถขับขี่ได้ในต่างประเทศ และใบอนุญาตขับขี่สากลต้องทำที่ประเทศของตนก่อนมาญี่ปุ่น เพราะทางสถานทูตที่ญี่ปุ่นไม่สามารถออกใบขับขี่สากลให้ได้

เพิ่มเติมสำหรับวีซ่าท่องเที่ยว

• ไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว (ได้ฟรีวีซ่า 15 วัน) แค่มีพาสปอร์ตก็ไปเที่ยวได้เลย วิธีนับคือ ให้นับวันที่เดินทางถึง + 15 วัน เช่น ถ้าเดินทางถึง วันที่ 1 + 15 วัน = อยู่ในญี่ปุ่นได้ไม่เกินวันที่ 16 เวลา 23:59 น
• หากวางแผนท่องเที่ยวเกิน 15 วัน ต้องยื่นขอวีซ่าระยะสั้น (ค่าธรรมเนียมวีซ่า 870 บาท + ค่าดำเนินการของศูนย์ JVAC 705 บาท = 1,575 บาท) *อัตราค่าบริการอาจมีการเปลี่ยนแปลง

แผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น

การมีแพลนท่องเที่ยว จะช่วยให้คุณมั่นใจตลอดทั้งทริป ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเราควรวางแผนการท่องเที่ยวว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เดินทางอย่างไร หรือแม้แต่ร้านอาหาร สถานที่พัก เพราะการมีแผนการท่องเที่ยวจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการเที่ยว แถมยังช่วยเพิ่มความสบายใจเมื่ออยู่ต่างประเทศอีกด้วย

บัตรโดยสารสำหรับใช้เดินทาง

ประเทศญี่ปุ่นนับว่าเป็นประเทศที่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นหลัก การจะไปเที่ยวทั้งที นักท่องเที่ยวอย่างเราต้องศึกษาข้อมูลส่วนนี้ไว้ด้วย ซึ่งจะมีบัตรรถไฟที่หลากประเภทมาก ๆ จึงควรศึกษาเส้นทางในการเดินทางให้รอบคอบและซื้อบัตรโดยสารให้พร้อม

• การเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมือง
  สามารถเดินทางด้วยรถไฟ 2 สายคือ JR Narita Expre ss (NEX) เป็นรถไฟจากสนามบินไปยังสถานีหลักของโตเกียวเช่น Shinagawa, Ikebukuro, Shinjuku และสามารถไปต่อถึง Ofuna, Yokohama ได้อีกด้วย และอีกสายคือ Keisei Skyline เป็นรถไฟจากสนามบิน ไปยัง Nippori และ Keisei Ueno
• การเดินทางเที่ยวในเมือง
  โดยญี่ปุ่นจะมีบัตรโดยสารรถไฟสำหรับใช้ในการเดินทางในเมือง หรือระหว่างเมืองหลายประเภทตั้งแต่ บัตรโดยสารท่องเที่ยว (Travel Pass) เช่น JR Pass, Suica, PASMO, ICOCA, KITACA, ตั๋วรถไฟใต้ดินในโตเกียว (Tokyo Subway Ticket), Osaka Amazing Pass และ Kansai Thru Pass เป็นต้น

ซิมเน็ต

ไปเที่ยวทั้งทีจะขาดอินเทอร์เน็ตได้ยังไง ? อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยแนะนำว่าให้ซื้อ Internet SIM (SIM NET) ไว้ใช้งานหรืออาจจะขอสมัครบริการเสริมประเภท Data Roaming กับเครือข่ายที่ใช้บริการอยู่ได้เลย แค่นี้ก็ช่วยให้คุณไม่พลาดกับทุกการเช็กอิน แถมอวดรูปสวย ๆ ได้ไม่สะดุด

---

---

ลงทะเบียน Visit Japan (ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ )

ใครที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องรู้ เพราะจะต้องมีการลงทะเบียน Visit Japan ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ เพื่อกรอกข้อมูลในส่วนด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) และ ข้อมูลศุลกากร (Declaration)  และปัจจุบัน นักท่องเที่ยวไม่ต้องยื่นเอกสารฉีดวัคซีนแล้ว เนื่องจากญี่ปุ่นได้จัดประเภทของโรค Covid-19 ให้อยู่ประเภท 5 กลุ่มเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล

ขั้นตอนการลงทะเบียน Visit Japan Web

1. เตรียม 3 เอกสารก่อนลงทะเบียน คือ หนังสือเดินทาง (Passport) เล่มปัจจุบัน, ข้อมูลที่พักในประเทศญี่ปุ่น – ชื่อที่พัก ที่อยู่ที่พัก และเบอร์ติดต่อ, ข้อมูลของสายการบินที่เดินทางไปญี่ปุ่น – หมายเลขสายการบิน และวันเวลาที่เดินทาง
2. สามารถเข้าไปที่ https://www.vjw.digital.go.jp แล้วกด “Sign up for a new account”
3. ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขโดยติ๊กถูกทั้ง 2 ช่อง และกด “Next”
4. กรอก Email และตั้งรหัสผ่าน
5. ยืนยัน Email ด้วยรหัสที่ส่งมาให้ใน Email ของเรา
6. เข้าสู่ระบบ Visit Japan Web และทำการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน
7. กรอกข้อมูลส่วนตัว และอัปโหลด Passport เพื่อสร้าง QR Code ในการซื้อสินค้าปลอดภาษี
8. ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวให้เรียบร้อย
9. ตอบคำถามเรื่อง VISA เพื่อเข้าญี่ปุ่น หากเที่ยวไม่เกิน 15 วันให้ตอบ “YES”
10. ลงทะเบียนคนในครอบครัว ในกรณีที่มีคนในครอบครัวเดินทางไปด้วย
11. ลงทะเบียนทริปด้วยการกด “Register new planned entry/return”
12. ตอบคำถามเรื่อง VISA อีกครั้ง กด “Proceed to registration without copying details”
13. สร้างข้อมูลการเดินทาง ตั้งชื่อทริป และกรอกรายละเอียดทริปให้ครบ
14. ใส่ข้อมูลที่พักและกดเลือกคนในครอบครัวที่ไปพักด้วย
15. ยืนยันข้อมูล
16. เลือกทริปที่สร้างไว้ แล้วกรอกข้อมูลตรวจคนเข้าเมือง (ต.ม.) และ ศุลกากร เมื่อกรอกเสร็จแล้วให้กดยืนยัน
17. เสร็จสิ้นการลงทะเบียน

เสื้อผ้าตามฤดูกาล

ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสภาพอากาศ ในแต่ละภูมิภาคและจังหวัดต่างกันออกไป ใครที่จะไปเที่ยวก็อย่าลืมเช็คสภาพอากาศกันก่อนไปด้วย เพื่อช่วยให้คุณเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมตามฤดูกาล จะหนาว จะร้อน ก็เที่ยวได้อย่างสบายใจ

ฤดูใบไม้ผลิ

ช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม นิยมใส่เสื้อผ้าแขนยาว ขายาว ที่มีความรัดกุม อบอุ่น แต่ไม่จำเป็นต้องใส่เป็นชั้นหนาๆ มาก เนื่องจากเป็นฤดูที่มีความอบอุ่นขึ้นจากฤดูหนาว

ฤดูร้อน

ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ควรเตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่หนาจนเกินไปเนื่องจากฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นมีความร้อนชื้น

ฤดูใบไม้ร่วง

ช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน แนะนำเสื้อผ้าที่มีความอบอุ่น และเตรียมซื้อร่ม เสื้อกันฝนในญี่ปุ่นด้วยเนื่องจากเป็นช่วงที่มีพายุฝน

ฤดูหนาว

ช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เสื้อผ้าควรมีความหนาเป็นพิเศษ เสื้อโค้ท เสื้อขนแกะ ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม และถุงมือ โดยแนะนำว่าให้ซื้อเสื้อกันหนาวจากแบรนด์ที่สามารถกันหนาวได้จริง

ข้อมูลอ้างอิง
การแต่งกายตามเดือน https://www.japankakkoii.com/japan-travel/what-to-wear-japan/ 

หัวข้อ แลกเงินสด / บัตร Travel Card

ไปต่างประเทศ “เงิน” ถือว่าขาดไม่ได้ เพราะจะกิน จะช้อป จะเดินทาง ก็ย่อมมีค่าใช้จ่าย โดยสามารถแลกเงินสดไว้ก่อนไปได้เลย  หรืออาจจะสมัครบัตร Travel Card หรือบัตรที่ใช้แทนเงินสดเวลาเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เราไม่ต้องพกเงินสดเยอะๆ ไว้กับตัว อีกทั้งยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมที่สูงเท่าบัตรเครดิต

เงินเยนเรทเท่าไหร่ถึงจะดี

หลายคนอาจจะสงสัยว่า “ทำไมต้องแลกเงินเยนเป็นเงินสดด้วย ในเมื่อเดี๋ยวนี้จ่ายบัตร Travel Card ก็สะดวกแล้ว?” ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะเริ่มรับบัตร Travel Card มากขึ้น แต่ร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านค้าตามตลาด หรือแม้แต่ค่ารถไฟบางที ก็ยังรับแต่เงินสดอยู่ดีนะ พกเงินเยนติดตัวไว้ อุ่นใจกว่าเยอะ! ไม่ต้องกลัวว่าจะไปถึงญี่ปุ่นแล้วจ่ายอะไรไม่ได้เลยเรามีทริคดี ๆ มาฝากกัน

• ดูที่ “เลขทศนิยม” เรทเงินเยน : เวลาเราดูเรทเงินเยนเทียบกับเงินบาท จะเป็นเลขทศนิยมใช่ไหมคะ? ยิ่งเลขทศนิยม “น้อย” เรทจะยิ่ง “ดี” เพราะแปลว่าเงินบาทของเราแลกเงินเยนได้มากขึ้นนั่นเอง
• เช็คเรทเงินเยน “บ่อย ๆ” : เรทเงินเยนเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน หรือบางทีวันนึงก็เปลี่ยนหลายรอบ! ถ้าอยากได้เรทดี ๆ ต้องขยันเช็คเรทเงินเยน ค่ะ ดูแนวโน้มว่าช่วงไหนเรทเริ่มอ่อนค่าลง (เลขทศนิยมเริ่มน้อยลง) ช่วงนั้นแหละ เป็นจังหวะที่เราควรไปแลกเงิน
• เปรียบเทียบเรทจากหลาย ๆ แหล่ง : อย่าเพิ่งรีบแลกเงินที่ร้านแรกที่เจอ ลองเช็คเรทเงินเยนจาก หลาย ๆ ธนาคาร หลาย ๆ ร้านแลกเงิน ดูค่ะ แต่ละที่เรทอาจจะไม่เท่ากัน เปรียบเทียบดูว่าที่ไหนให้เรทดีที่สุด

จำง่าย ๆ : “เลขทศนิยมเรทน้อย = เรทดี = แลกเงินเยนได้เยอะ!”

แลกเงินต่างประเทศได้ที่ไหนบ้าง

สถานที่แลกเงินต่างประเทศมี 3 ที่หลัก ๆ คือ :

• ธนาคาร : สามารถแลกเงินตราต่างประเทศได้จากธนาคาร ตู้บางธนาคารก็สามารถแลกได้ ดูน่าเชื่อถือ, สาขาเยอะ แต่เรทอาจไม่ดีเท่าร้านแลกเงิน และอาจมีค่าธรรมเนียม
• ร้านแลกเงิน : ร้านรับแลกเงินตราต่างประเทศทั่วไป ซึ่งก็จะมีเรทราคาแลกที่แตกต่างกันออกไป แต่เรทดีกว่าธนาคาร, เปิดนานกว่า, สะดวก แต่ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ และควรเปรียบเทียบราคา
• สนามบิน : สะดวกมากสำหรับนักเดินทาง, เปิด 24 ชม. แต่เรทไม่ดีที่สุด และค่าธรรมเนียมอาจสูง

**อย่าลืมพกพาสปอร์ต และบัตรประชาชน ไปด้วยนะ! บางร้านอาจจะต้องใช้ในการแลกเงิน!

บัตร Travel Card มีอะไรบ้าง

ปัจจุบันบัตรทราเวลการ์ดมีมากมายหลายหลากให้เลือกใช้บริการ ซึ่งแต่ละบัตรก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่าง เช่น

ข้อดีของการใช้บัตร Travel Card เที่ยวต่างประเทศ

ทำไมต้องใช้บัตรทราเวลการ์ด (Travel Card) เพราะบัตร Travel Card เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น สำหรับนักเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากมีข้อดีมากมาย ที่ช่วยให้การใช้จ่ายในต่างประเทศสะดวกสบายและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เรามาดูกันว่าข้อดีหลัก ๆ ของการใช้บัตร Travel Card เที่ยวต่างประเทศมีอะไรบ้าง

---

---

กฎหมายและข้อควรรู้ที่ต้องปฏิบัติในที่สาธารณะ

ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นทั้งที ต้องอย่าลืมศึกษากฎหมายและข้อควรรู้ เพราะแต่ละประเทศย่อมมีกฎหมายที่ต่างกันออกไป และเพื่อให้เราไม่ทำผิดกฎ เที่ยวสนุกตลอดทริป ลองมาเรียนรู้วัฒนธรรมของญี่ปุ่นกันเลยว่าข้อควรรู้อะไรบ้างที่เราควรทำและไม่ควรทำ

1. ห้ามแซงคิวและห้ามถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ ถือว่ามีความผิด จำคุกสูงสุด 30 วัน หรือปรับตั้งแต่ 1,000 -10,000 เยน และอาจโดนบันทึกในประวัติอาชญากรรม 
2. ไม่มีการให้ทิป ในญี่ปุ่นจะไม่มีธรรมเนียมการให้ทิป ควรจ่ายเงินตามใบเสร็จเท่านั้น 
3. การถอดรองเท้า ที่ญี่ปุ่นจะมีนโยบายให้ถอดรองเท้าด้วย ดังนั้นคุณควรเช็กด้วยว่าในสถานที่นั้นควรถอดรองเท้าหรือไม่
4. การเข้าพัก โดยทั่วไปโรงแรมจะเปิดให้ Check-in หลัง 15:00 น. และ Check-out ก่อน 10:00 น. และตอน Check-in อาจจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ต 
5. ประโยคควรรู้ “Sumimasen” (ซูมิมาเซ็ง) หมายถึง “ขออภัย” หรือใช้ในความหมายว่า “ขออนุญาต” และแม้แต่ “ขอบคุณ” อาจขึ้นอยู่กับบริบทที่ใช้ รวมถึง “arigato gozaimasu” (อาริงาโต โกไซมัส) เพื่อกล่าวขอบคุณแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น 
6. ตรงต่อเวลา วัฒนธรรมญี่ปุ่นการตรงต่อเวลาถือว่าสำคัญมาก ถ้าคุณไปเที่ยวจะสังเกตได้ว่าแม้แต่การเดินทางอย่าง รถไฟ รถบัส ก็จะมาถึงตรงเวลา ยิ่งถ้ามีนัดกับชาวญี่ปุ่น แนะนำว่าอย่าเลท เพราะจะถือว่าเป็นการเสียมารยาทและไม่ให้เกียรตินั่นเอง
7. คุยโทรศัพท์เสียงเบา จริง ๆ แล้ววัฒนธรรมญี่ปุ่นห้ามคุยโทรศัพท์ในร้านอาหาร ในรถไฟหรือรถเมล์ เพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น แต่ถ้าหากจำเป็นจริง ๆ ให้พูดสั้น ๆ เบา ๆ และรีบวางสาย 
8. การยืนบันไดเลื่อน การขึ้นลงบันไดเลื่อนจะยืนชิดซ้ายหรือชิดขวานั้น แล้วแต่ธรรมเนียมปฏิบัติในแต่ละท้องถิ่น แต่ไม่ควรยืนอยู่ตรงกลาง เพราะถือเป็นการเกะกะผู้อื่นที่เร่งรีบ ดังนั้นควรสังเกตคนด้านหน้าว่ายืนกันฝั่งซ้ายหรือขวาด้วยนะ
9. ส่งเสียงความอร่อย วัฒนธรรมญี่ปุ่นการกินเสียงดัง หมายถึง อาหารนั้นอร่อย ยิ่งถ้าซดน้ำซุปเสียงดัง ๆ พนักงานในร้านจะชื่นชอบมาก เพราะคือการส่งเสียงความอร่อยให้ร้านได้นั่นเอง
10. อาบน้ำตามกฎ     การอาบน้ำแร่ร้อน หรือแช่ออนเซ็นในญี่ปุ่น ต้องเปลือยผ้าทั้งหมด ห้ามใส่เสื้อผ้า หรือห่อผ้าเช็ดตัวลงไปในน้ำ หากนำผ้าผืนเล็กไปก็ควรให้วางบนหัวหรือขอบสระ และก่อนลงแช่ต้องอาบน้ำให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
11. ทิชชู่ในห้องน้ำ ที่ญี่ปุ่นเราสามารถทิ้งกระดาษทิชชู่ลงในชักโครกได้เลย เพราะทิชชู่ที่ใช้ในห้องน้ำจะเป็นกระดาษที่มีเส้นใยสั้นทำให้เปื่อยยุ่ยได้ง่าย โดยไม่ทำให้ชักโครกอุดตัน
12. การใช้ลิฟต์ ผู้ที่เข้าไปคนแรกจะต้องเป็นคนกดเปิด-ปิดประตูให้คนอื่นๆ และเมื่อถึงชั้นที่จะต้องออกไปก็ต้องรอให้คนอื่นออกไปให้ครบก่อน ถึงจะออกไปเป็นคนสุดท้าย
13.  ชำระเงินบนถาด ก่อนชำระเงินต้องสังเกตทุกครั้ง เพราะตามร้านค้าต่าง ๆ จะมีถาดสำหรับวางเงินไว้ตรงที่จ่ายเงิน เวลาเราซื้อของเสร็จแล้วจะชำระเงิน ให้นำเงินไปวางไว้ในถาด เพื่อป้องกันการสับสนทั้งการรับและการทอนเงินคืน
14. การใช้ตะเกียบ สิ่งหนึ่งที่ห้ามทำระหว่างกินอาหาร คือ ห้ามปักตะเกียบลงในแนวดิ่ง เพราะจะคล้ายกับการปักธูปไหว้ศพ  และหากต้องการคีบอาหารให้กันควรคีบวางในจาน ห้ามส่งอาหารจากตะเกียบสู่ตะเกียบ เพราะว่าคนญี่ปุ่นจะใช้ตะเกียบคีบกระดูกที่เผา แล้วส่งต่อ ๆ กันตอนทำพิธีเก็บกระดูกเท่านั้น 
15. ควรรับของสองมือ หลีกเลี่ยงยื่นและรับของด้วยมือเดียว ที่ญี่ปุ่นมักจะใช้สองมือในการให้และรับสิ่งของต่าง ๆ แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆก็นับเป็นธรรมเนียมที่ควรปฏิบัติต่อกัน

ใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น บอกเลยว่าไม่ควรมองข้ามมารยาทญี่ปุ่นเล็กๆ น้อยๆ ในสังคม เพราะคนญี่ปุ่นนับว่ามีระเบียบวินัย และถือว่าเป็นเรื่องเหล่นนี้สำคัญมาก ศึกษาก่อนไปง่าย ๆ เท่านี้คุณก็เที่ยวญี่ปุ่นได้แบบสบายใจ มีความสุขตลอดการท่องเที่ยวแน่นอน