เที่ยวซัปโปโร ห้ามพลาด! ที่เที่ยว ที่พัก อาหาร การเดินทาง อัปเดตปี 2026

ซัปโปโร (Sapporo) คือหนึ่งในเมืองที่นักท่องเที่ยวไทยชื่นชอบมากที่สุดในฮอกไกโด ด้วยเสน่ห์ของเมืองหิมะ อาหารอร่อย เดินทางง่าย ผู้คนเป็นมิตร และทำเลที่สะดวกต่อการต่อยอดไปเที่ยวเมืองรอบ ๆ เช่น โอตารุ, อาซาฮิคาวะ และโนโบริเบตสึ ทำให้ “เที่ยวซัปโปโร” กลายเป็นหนึ่งในคีย์เวิร์ดที่ถูกค้นหามากที่สุดสำหรับการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นทุกปี โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว

บทความนี้ของ Trip Japan Online จะพาคุณไปทำความรู้จักซัปโปโรแบบละเอียด ตั้งแต่ประวัติ เมืองที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกสาย สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด อาหารที่ต้องลอง โซนที่พักแนะนำ พร้อมแล้วไปดูกันเลย!

“ซัปโปโร” คือเมืองแบบไหน?

ซัปโปโรเป็นเมืองหลวงของเกาะฮอกไกโด และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของญี่ปุ่น มีความพิเศษของซัปโปโรที่แตกต่างจากโตเกียวหรือโอซาก้า เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องอากาศหนาว หิมะสวย อาหารทะเลสดใหม่ และสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมญี่ปุ่น ทำให้บรรยากาศของเมืองมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนเมืองอื่นในญี่ปุ่น

“ซัปโปโร” ทำไมถึงเป็นเมืองยอดนิยมของคนไทย!

• หิมะสวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น : โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เมืองทั้งเมืองจะกลายเป็นสีขาวโพลนเหมือนในเทพนิยาย
• Sapporo Snow Festival : เทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 2 ล้านคน
• อาหารอร่อยระดับประเทศ : อาหารทะเลสดใหม่จากท้องทะเลฮอกไกโด ทั้งปูยักษ์ ไข่หอยเม่น และนมเนยคุณภาพเยี่ยม รอให้คุณมาลิ้มลองในราคาที่จับต้องได้
• การเดินทางง่ายมาก : ซัปโปโรเป็นฮับ (Hub) ที่สะดวกที่สุดในการเชื่อมต่อไปยังเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอื่นๆ เช่น โอตารุ (Otaru), อาซาฮิคาวะ (Asahikawa), หรือเมืองออนเซ็นอย่างโนโบริเบตสึ (Noboribetsu)

สำหรับใครที่กำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองใหญ่มาสัมผัสความหนาวเย็นแบบฟิน ๆ “ซัปโปโร” คือคำตอบที่ใช่ที่สุด และแน่นอนว่า Trip Japan Online มีข้อมูลเจาะลึกของเมืองรอบ ๆ เหล่านี้เตรียมไว้ให้คุณแล้ว

ฤดูกาลของ “ซัปโปโร“

ซัปโปโรมี 4 ฤดูกาลที่ชัดเจนมาก แต่ละฤดูมีเสน่ห์แตกต่างกันไป การเลือกช่วงเวลาเที่ยวให้ตรงกับความชอบจึงสำคัญมาก โดยมี “ฤดูหนาว” และ “หิมะ” เป็นไฮไลต์ แต่ทุกฤดูก็เหมาะกับการท่องเที่ยวในสไตล์ต่างกัน

1. ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.)

• อุณหภูมิ : 5°C ถึง 15°C (อากาศยังเย็นสบาย ต้องเตรียมเสื้อกันหนาว)
• ไฮไลต์ : ซากุระที่นี่จะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่น โดยจะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ใครพลาดซากุระที่โตเกียว มาแก้ตัวที่นี่ได้เลย

2. ฤดูร้อน (มิ.ย. – ส.ค.)

• อุณหภูมิ : 20°C ถึง 26°C (อากาศดีมาก ไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนโตเกียว)
• ไฮไลต์ : เป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินเล่นในสวนโอโดริ และไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ฟุราโนะ (เดินทางจากซัปโปโรได้) กลางวันยาวนาน เที่ยวได้คุ้ม

3. ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย. – พ.ย.)

• อุณหภูมิ : 8°C ถึง 15°C (เริ่มหนาวแล้ว)
• ไฮไลต์ : ฮอกไกโดเป็นที่แรกๆ ของญี่ปุ่นที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Hokkaido University) อุโมงค์ต้นแปะก๊วยสีเหลืองทองสวยงามตระการตามาก

4. ฤดูหนาว (ธ.ค. – ก.พ.)

• อุณหภูมิ : -5°C ถึง -12°C (หนาวจับใจ เตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม!)
• ไฮไลต์ : หิมะตกหนัก ขาวโพลนไปทั้งเมือง มีเทศกาล Sapporo Snow Festival และกิจกรรมฤดูหนาวมากมาย เช่น สกี และสโนว์บอร์ด เป็นช่วงที่โรแมนติกที่สุด

“ที่เที่ยวซัปโปโร” ที่ห้ามพลาด! อัปเดตล่าสุด 2026

มาถึงซัปโปโรทั้งทีต้องไปเช็คอินที่ไหนบ้าง? Trip Japan Online คัดมาให้แล้วกับ “Must-Visit List” ที่ห้ามพลาด!

1. หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower)

แลนด์มาร์กประจำเมืองซัปโปโร สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1878 ถือเป็นอาคารไม้เก่าแก่ที่ยังคงความคลาสสิกไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวมักแวะถ่ายรูปกับอาคารสีขาวหลังนี้ และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ด้านใน

• การเดินทาง : เดิน 5 นาที จากสถานี Sapporo Station (ทางออก South Exit)
• สถานที่ : 2 Chome-1-1 Kita 1 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido, Japan
• เวลาทำการ : ทุกวัน 08:45 น. – 17:10 น. (เข้าได้รอบสุดท้ายประมาณ 10 นาทีก่อนปิด)
• ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็กนักเรียนฟรี และเด็กก่อนวัยเรียนฟรี (ถ้าถ่ายรูปด้านนอกอย่างเดียวไม่เสียค่าใช้จ่าย!)
• เว็บไซต์ : https://sapporoshi-tokeidai.jp/
• Google Maps : https://maps.app.goo.gl/gS9SamKhDZx6S4wWA

2. สวนโอโดริ (Odori Park)

สวนสาธารณะใจกลางเมืองซัปโปโรที่ทอดยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร ตั้งแต่ “Odori Nishi 1-chome” ไปจนถึง “Odori Nishi 12-chome” ถูกขนานนามว่าเป็น “ลมหายใจของซัปโปโร” เพราะเป็นพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมฝั่งเหนือ–ใต้ของเมืองเข้าด้วยกัน ฤดูร้อนเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี ส่วนฤดูหนาวจะกลายเป็นลานกิจกรรมและพื้นที่จัดงานใหญ่ที่สุดของเมือง เช่น Sapporo Snow Festival

• การเดินทาง : ลงสถานี Odori Station (Tozai Line / Toho Line / Namboku Line) เดินไม่ถึง 1 นาที
• สถานที่ : Odori Park, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido, Japan
• เวลาทำการ : เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง (แต่กิจกรรมหรือบูธภายในสวนอาจมีเวลาเปิด–ปิดเฉพาะตามฤดูกาล)
• ค่าเข้าชม : ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
• เว็บไซต์ : https://www.sapporo.travel/
• Google Maps : https://maps.app.goo.gl/UQkXPkGgkYxg9jy17

3. ลานสกีโอกูรายามะสกีจั๊มพ์ (Okurayama Ski Jump Stadium)

ลานสกีโอกุรายามะเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กห้ามพลาดของซัปโปโร ตั้งอยู่บนเนินเขา Okurayama และเป็นสถานที่จัดแข่งขันสกีจัมพ์ระดับนานาชาติ รวมถึงโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1972 ที่ซัปโปโรเป็นเจ้าภาพ
จุดเด่นคือ “กระเช้าขึ้นสู่ยอดลานสกี” ที่เผยให้เห็นวิวเมืองซัปโปโรแบบพาโนรามา 360° งดงามทั้งกลางวันและกลางคืน เหมาะสำหรับทั้งสายถ่ายรูป ครอบครัว และคนที่ต้องการชมความอลังการของสนามสกีจริงระดับโลก

• การเดินทาง : นั่งรถไฟ Subway สาย Tozai Line ลงสถานี Maruyama-Koen Station จากนั้นต่อรถบัสหมายเลข 14 ไปลงป้าย Okurayama Kyogijo Iriguchi (ใช้เวลา 10–15 นาที) เดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีเพื่อขึ้นสู่ทางเข้ากระเช้า
• สถานที่ : 1274 Miyanomori, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido, Japan
• เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่โดยทั่วไป ฤดูร้อน 08:30 น. – 18:00 น. ฤดูหนาว 09:00 น. – 17:00 น. อาจปิดให้บริการชั่วคราวในช่วงมีทัวร์นาเมนต์หรือสภาพอากาศไม่เหมาะสม
• ค่าเข้าชม (กระเช้าขึ้นสู่ยอดสนามสกี) : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน และพิพิธภัณฑ์บนพื้นที่เดียวกัน ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 300 เยน
• เว็บไซต์ : https://okurayama-jump.jp/
• Google Maps : https://maps.app.goo.gl/kPwazLAsBAJGGdGr8

4. ตลาดปลานิโจ (Nijo Market)

ตลาดปลา “นิโจ” เป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะเมื่อมาเยือนซัปโปโร โดดเด่นด้วยอาหารทะเลสดใหม่ระดับพรีเมียม ทั้งปูทาราบะ, ปูขน, ไข่ปลาแซลมอน, ไข่หอยเม่น และไคเซนดงหลากหลายแบบ ร้านอาหารภายในตลาดมีให้เลือกหลายร้าน สะดวก อร่อย ราคาสมเหตุสมผล เหมาะกับการมา “กินมื้อเช้า” ก่อนเดินเที่ยวซัปโปโร เพราะตลาดอยู่กลางเมืองและเดินทางง่ายมาก

• การเดินทาง : เดินประมาณ 15 นาที จาก สถานี Sapporo Station หรือขึ้นรถบัสเมืองลงที่ป้ายใกล้เคียง “Minami 3 Jo / Higashi 1”
• สถานที่ : Minami 3-jyo Higashi 1-chome, Chuo-ku, Sapporo, Hokkaido, Japan
• เวลาทำการ : เปิดทุกวันประมาณ 07:00 น.– 18:00 น. (แต่ละร้านเวลาไม่เหมือนกัน บางร้านปิดเร็วตั้งแต่บ่าย)
• ค่าเข้าชม : ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย (จ่ายเฉพาะอาหารหรือของฝากที่ซื้อภายในตลาด)
• เว็บไซต์ : http://nijomarket.com/
• Google Maps : https://maps.app.goo.gl/wgp9TCn73gDDaWGQ8

5. พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum)

พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโรเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กยอดนิยมของเมือง โดยเฉพาะผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์การผลิตเบียร์ของญี่ปุ่น อาคารอิฐแดงสไตล์ยุโรปอันโดดเด่นนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1890 เดิมเป็นโรงงานผลิตเบียร์ของ Sapporo Brewery และปัจจุบันเปิดให้เข้าชมทั้งนิทรรศการ ประวัติการทำเบียร์ และโซนชิมเบียร์สูตรเฉพาะ แม้คุณจะไม่ใช่สายเบียร์ ที่นี่ก็ยังเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมและเดินเที่ยวสบาย ๆ

• การเดินทาง : จาก สถานี Sapporo Station นั่งรถบัส “Sapporo Beer Museum Loop Bus” ประมาณ 15 นาที
• สถานที่ : 9-1 Kita 7 Johigashi, Higashi Ward, Sapporo, Hokkaido, Japan
• เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 11:30 น. – 20:00 น. เข้าชมรอบสุดท้าย 19:30 น. (ปิดวันจันทร์ หรือวันถัดไปถ้าวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการ)
• ค่าเข้าชม : เข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี! (โซนชิมเบียร์มีค่าใช้จ่าย เบียร์ 1 แก้ว ประมาณ 200–400 เซ็ตชิมเบียร์ 3 ชนิด ประมาณ 800 เยน)
• เว็บไซต์ : http://www.sapporobeer.jp/brewery/s_museum/
• Google Maps : https://maps.app.goo.gl/kER28VX1PaXtdCAp7

6. ย่านซุซูกิโนะ (Susukino)

ซุซูกิโนะ คือย่านบันเทิงและแสงสีที่คึกคักที่สุดของซัปโปโร เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านราเมง รถเข็นอาหาร (Yatai) บาร์ คาเฟ่ ร้านขาปูชื่อดัง รวมถึงห้างสรรพสินค้าและจุดช้อปปิ้งมากมาย
ในตอนกลางคืนจะเต็มไปด้วยไฟนีออนสีสันสดใส ทำให้ย่านนี้เป็นโลเคชันที่นักท่องเที่ยวต้องแวะ ทั้งเพื่อหาของกินอร่อย เดินเล่นถ่ายรูป หรือพักผ่อนในโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟอย่างสะดวกสุด ๆ ย่านนี้ยังเป็นที่ตั้งของ “Ramen Yokocho” ซอยราเมงชื่อดังที่รวบรวมร้านเก่าแก่เจ้าดังของซัปโปโรไว้ในที่เดียว

• การเดินทาง : ลงสถานี Susukino Station (Namboku Line) ออกจากสถานีแล้วเจอย่านหลักทันที
• สถานที่ : Susukino, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido, Japan (ย่านนี้ไม่มีจุดหมายเดียว แต่เป็นโซนกว้างครอบคลุมถนนหลายเส้นรอบสถานี Susukino)
• เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (เป็นย่านการค้าและร้านอาหาร) แต่ร้านค้าหรือร้านอาหารภายในจะมีเวลาเปิด–ปิดแตกต่างกันไป เช่น ร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดตั้งแต่ 11:00 น. – 23:00 น. บาร์และร้านดื่มมักเปิดถึงดึก ~03:00 น.
• ค่าเข้าชม : ฟรี! เดินเที่ยวได้ทั้งวัน
• เว็บไซต์ : https://www.sapporo.travel/
• Google Maps : https://maps.app.goo.gl/xu7YNnz8awqdUK4D9

เมืองใกล้ “ซัปโปโร” ที่นักท่องเที่ยวควรไป!

มาเที่ยวซัปโปโรแล้ว อย่าลืมเผื่อเวลาออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองรอบ ๆ ด้วยนะ การเดินทางสะดวกมาก!

• โอตารุ (Otaru) : เมืองคลองโรแมนติก นั่งรถไฟจากซัปโปโรเพียง 30-45 นาที คุณก็จะพบกับเมืองท่าสุดคลาสสิกที่มีคลองโอตารุเป็นแลนด์มาร์ก ร้านกล่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และร้านขนมหวานชื่อดังอย่าง LeTAO
• อาซาฮิคาวะ (Asahikawa) : เพนกวินพาเหรด เมืองใหญ่อันดับ 2 ของฮอกไกโด ขึ้นชื่อเรื่อง สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) ที่มีไฮไลต์คือพาเหรดนกเพนกวินเดินเตาะแตะท่ามกลางหิมะ เป็นภาพที่น่ารักใจละลายมากครับ
• โนโบริเบตสึ (Noboribetsu) : เมืองออนเซ็นในหุบเขานรก อยากแช่ออนเซ็นคุณภาพดีที่สุดในฮอกไกโดต้องมาที่นี่ครับ ชมความอัศจรรย์ของ Jigokudani (หุบเขานรก) ที่มีควันตลอดเวลา แล้วปิดท้ายด้วยการแช่น้ำแร่ให้ผ่อนคลาย

“อาหารซัปโปโร” ที่ต้องลอง!

ซัปโปโรไม่ใช่แค่เมืองหิมะสุดโรแมนติก แต่ยังเป็น “สวรรค์ของสายกินตัวจริง” เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบสด เนื้อหวานตามธรรมชาติ นำมาปรุงอย่างพิถีพิถันจนกลายเป็นเมนูระดับตำนานหลายจาน
ใครมาซัปโปโรครั้งแรก “ห้ามพลาดเด็ดขาด” เพราะแต่ละเมนูคือความอร่อยแบบ “กินแล้วร้องว้าว” จนคนญี่ปุ่นเองยังบินมาชิมถึงเมืองนี้

• ราเมงมิโซะซัปโปโร (Sapporo Miso Ramen) : ราเมงซัปโปโรคือหนึ่งในราเมงที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น จุดเด่นคือ ซุปมิโซะหอมเข้มข้น เส้นราเมงแบบหนานุ่ม เคี้ยวเพลิน ท็อปปิ้งยอดฮิตเนยก้อนโต + ข้าวโพดหวานฉ่ำ และความกลมกล่อมแบบอุ่นใจในอากาศ -5°C ร้านที่ต้องลอง เช่น Yokocho, Sumire, Teshikaga กินตอนอากาศหนาว ๆ มันคือฟีลลิ่ง “ความอบอุ่นที่วิ่งเข้ามาในร่าง” แบบสุดยอด
• ซุปแกงกะหรี่ฮอกไกโด (Soup Curry) : เมนูซิกเนเจอร์ประจำเมืองซัปโปโรที่ไม่เหมือนแกงกะหรี่ญี่ปุ่นทั่วไป ซุปเข้มข้น กลิ่นหอมเครื่องเทศ เผ็ดนิด ๆ แต่กินง่าย ใส่ไก่ชิ้นใหญ่และผักสดหลากสีจนถ้วยแน่น เติมข้าวญี่ปุ่นนุ่ม ๆ คู่กันคือที่สุด! ร้านดัง GARAKU บอกเลยว่ากินคำแรกแล้ว “ว้าว” แน่นอน เพราะรสชาติสดชื่นและกลมกล่อมมาก
• ขาปูยักษ์ 3 ชนิด (Taraba / Kegani / Zuwai) : ฮอกไกโด เมืองหลวงแห่งซีฟู้ด และซัปโปโรคือที่ที่คุณจะได้กินปูสดที่สุด เนื้อหวานที่สุด แบบไม่ต้องจิ้มอะไรเลยก็อร่อย! Taraba (ปูทาราบะ) ขาใหญ่ เนื้อแน่น หวานฉ่ำ Kegani (ปูขน) มันปูหอมสุด ๆ สายมันปูต้องมาทางนี้ และZuwai (ปูซูไว) เนื้อนุ่ม หวานกำลังดี ร้านดัง Kani-Honke, Hyousetsu no Mon ประสบการณ์ที่ต้องลองสักครั้ง คือการนั่งแกะปูยักษ์แบบร้อน ๆ แล้วกินคู่เนยละลาย… ฟิน!
• ไคเซนดงซัปโปโร (Kaisendon) : ข้าวหน้าซาชิมิรวมที่ขึ้นชื่อที่สุดในฮอกไกโด เพราะวัตถุดิบสดชนิดที่ “ตั้งแต่ยกขึ้นจากทะเลมาไม่กี่ชั่วโมง” ท็อปปิ้งยอดฮิตคือ แซลมอนสด โอโทโร่ ไข่ปลาแซลมอน ไข่หอยเม่น (Uni) หอยเชลล์ กินถ้วยเดียวคือฟีลลิ่ง “ความสดพุ่งขึ้นจมูก” แบบอร่อยจนยิ้มไม่หยุด สถานที่แนะนำ ตลาดปลา Nijo Market, Sapporo Curb Market

“ที่พักซัปโปโร” โซนที่ไหนดี?

เที่ยวซัปโปโร พักไหนดี? เมืองซัปโปโร คือเมืองใหญ่ในฮอกไกโดที่เดินทางง่าย มีระบบรถไฟใต้ดิน และโซนที่พักหลากหลายแต่ละโซนมีบรรยากาศและข้อดีต่างกัน เราจะพาไล่ไปทีละโซน พร้อมคำแนะนำว่าเหมาะกับใคร? แล้วคุณก็เลือกให้ตรงสไตล์คุณที่สุด!

โซน Sapporo Station (สถานีซัปโปโร)

เหมาะกับใคร?

• มือใหม่เที่ยวซัปโปโรครั้งแรก เดินทางง่าย หลงยาก
• คนที่มีแผนไปเที่ยวหลายเมือง ต่อ JR รถไฟด่วน และบัสสนามบินได้ทันที
• นักเดินทางที่ลากกระเป๋าใบใหญ่ ทางเชื่อมอาคารและใต้ดินช่วยให้เดินสบายแม้วันหิมะตก
• คนที่ต้องการทุกอย่างใกล้ตัว ห้างใหญ่ ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ตครบ
• นักเดินทางแบบธุรกิจ ทำเลใกล้ศูนย์กลางเศรษฐกิจและโรงแรมคุณภาพดี

ข้อดี

• เป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางหลัก รถไฟ JR, รถไฟใต้ดิน, รถบัสเชื่อมสนามบินได้ง่าย
• มีห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
• เหมาะมากสำหรับ “ครั้งแรกในซัปโปโร” หรือมีแผนไปเที่ยวเมืองอื่นต่อ เช่น Otaru หรือ Asahikawa

ข้อควรระวัง

• อาจจะ “ค่อนข้างธุรกิจ/คึกคัก” มาก ถ้าคุณอยากพักแบบเงียบสงบอาจไม่ใช่ตัวเลือกอันดับ 1
• ราคาที่พักอาจสูงขึ้นในช่วงเทศกาล หรือช่วงหิมะเยอะ

โซน Odori Park (ใกล้สวนโอโดริ)

เหมาะกับใคร?

• นักท่องเที่ยวที่อยากอยู่ “ใจกลางเมือง” เดินได้ไปหลายที่ เช่น สวนโอโดริ, หอนาฬิกา, ย่านช้อปปิ้ง
• ครอบครัว หรือคู่รักที่อยากพักแบบสบายแต่ยังอยู่ใกล้แหล่งเที่ยว

ข้อดี

• เดินได้ถึงหลายแหล่งเที่ยวโดยไม่ต้องเปลี่ยนที่พัก
• บรรยากาศเมือง + มีพื้นที่สีเขียวให้ผ่อนคลาย

ข้อควรระวัง

• ยามค่ำคืนอาจไม่คึกคักเหมือนโซนครึกครื้นมากสุด
• ถ้าพักห้องที่หันหน้าออกไปสวน อาจมีเสียงกิจกรรมตอนกลางคืนในช่วงเทศกาล

โซน Susukino (ย่านบันเทิง)

เหมาะกับใคร?

• คนที่อยากอยู่ใกล้ร้านอาหารหลากหลาย บาร์ ไนต์ไลฟ์
• สายกิน สายชิล หลังเที่ยวแล้วอยากกลับที่พักทันที

ข้อดี

• ร้านอาหารเยอะมาก เดินถึงได้
• เดินเที่ยวกลางคืนได้อย่างปลอดภัยและสนุก

ข้อควรระวัง

• ถ้าต้องการพักแบบเงียบ ยามค่ำคืนอาจจะค่อนข้างครึกครื้น
• อาจมีเสียงรบกวนมากกว่าพักโซนเงียบ

โซน Nakajima Park (พักแบบสงบใกล้เมือง)

เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่อยากพักแบบสงบ แต่ยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งเที่ยวเมือง
• ครอบครัว หรือผู้ใหญ่ที่อยากหลีกจากเสียงรบกวน

ข้อดี

• บรรยากาศผ่อนคลาย ใกล้ธรรมชาตินิด ๆ
• ใกล้รถไฟใต้ดิน สะดวกเวลาเดินทาง

ข้อควรระวัง

• จากบางที่พักอาจเดินเข้า “แหล่งช้อปปิ้ง/ร้านอาหาร” ได้น้อยกว่าโซนกลางเมือง
• ถ้าต้องการไนต์ไลฟ์ อาจจะต้องเดินหรือขึ้นรถ

สรุปว่า “ควรเลือกโซนไหนดี” ตามสไตล์คุณ!

สไตล์การเดินทาง	แนะนำโซน	เหตุผล
ครั้งแรก / อยากเดินทางง่าย	Sapporo Station	จุดศูนย์กลางการเดินทาง
อยากเที่ยวครบทั้งเมือง	Odori Park	ใกล้แหล่งเที่ยวหลายจุด
สายกิน/สายชิล/กลางคืน	Susukino	ร้านเยอะ บาร์เยอะ ไนต์สนุก
อยากพักแบบเงียบสงบ	Nakajima Park	บรรยากาศผ่อนคลาย

วิธีเดินทางที่ “ซัปโปโร” (ง่ายกว่าที่คิด!)

การเดินทางในซัปโปโรนั้นง่ายและเป็นระบบระเบียบมากค่ะ เมืองนี้วางผังเมืองเป็นระเบียบ ถนนเป็นตาราง ทำให้ไม่หลงทางง่าย แถมมีระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมทุกจุดท่องเที่ยวหลักอีกด้วย
หลัก ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวจะใช้ 4 วิธี ต่อไปนี้ :

• รถไฟใต้ดิน (Subway) ซัปโปโรมีรถไฟใต้ดินทั้งหมด 3 สาย
  • Namboku Line (สีเขียว) – เชื่อม Sapporo Station → Susukino → Nakajima Park
  • Tozai Line (สีส้ม) – วิ่งผ่าน Odori Park → Maruyama Park
  • Toho Line (สีฟ้า) – เชื่อมสถานีหลัก เช่น Sapporo Station, Odori Station
• รถรางซัปโปโร (Sapporo Streetcar) รถรางวิ่งเป็นวงกลมรอบโซน Susukino – Nakajima Park – Toyohira เหมาะมากสำหรับการเดินทางในโซนใจกลางเมือง
• รถไฟ JR Hokkaido ใช้เดินทางออกเมือง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเมืองใกล้ ๆ เช่น :
  • โอตารุ (Otaru) – 45 นาที
  • อาซาฮิคาวะ (Asahikawa) – 1 ชม. 25 นาที
  • นิวชิโตเสะ (สนามบิน) – 35 นาที
  • โทมะมุ / ฟูราโน่ / ฮาโกดาเตะ
• รถบัสในเมือง วิ่งครอบคลุมหลายเส้นทาง เหมาะกับบางสถานที่ที่ Subway ไม่ครอบคลุม เช่น
  • พิพิธภัณฑ์แมนกะ (Sapporo Manga Museum)
  • สวนสัตว์มารุยามะ
• แท็กซี่ (มีเยอะ ปลอดภัย และสะดวก) ราคาไม่แรงเท่าโตเกียว ถึงแม้บางเส้นทางจะมีน้ำแข็ง แท็กซี่ที่ซัปโปโรขับชำนาญมาก เหมาะสำหรับ :
  • กลุ่ม 3–4 คน
  • คืนที่หิมะตกหนัก
  • กลับโรงแรมดึก ๆ จาก Susukino

การเที่ยวซัปโปโร “ง่ายกว่าที่คิด” เพราะระบบขนส่งสาธารณะดีมาก ถ้าเที่ยวในเมือง → Subway + รถราง, ไปเมืองใกล้ ๆ → JR, ไปจุดเฉพาะทาง → รถบัส และกลับดึก/วันหนาวจัด → แท็กซี่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “เที่ยวซัปโปโร” (FAQ)

• ถาม : ไปซัปโปโรช่วงไหนดีที่สุด?
• ตอบ : ถ้าชอบหิมะฟู ๆ ต้อง มกราคม-กุมภาพันธ์ แต่ถ้าชอบอากาศเย็นสบายเดินเที่ยวชิลล์ ๆ แนะนำ พฤษภาคมหรือตุลาคม
• ถาม : เที่ยวซัปโปโรคนเดียวปลอดภัยไหม?
• ตอบ : ปลอดภัยมากครับ! ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอาชญากรรมต่ำ ซัปโปโรเองก็เป็นเมืองที่เป็นมิตร ผู้คนใจดี และระบบขนส่งชัดเจน เที่ยวคนเดียวได้สบายหายห่วง
• ถาม : พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เที่ยวเองได้ไหม?
• ตอบ : ได้แน่นอนครับ สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีป้ายภาษาอังกฤษ และ Google Maps ใช้งานได้ดีเยี่ยมในซัปโปโร

อยากเที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกแบบมือโปร แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง?

เที่ยวซัปโปโร การวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอาจดูยากในตอนแรก ต้องเลือกเมือง ดูเส้นทาง เทียบเวลา ขนส่ง และงบประมาณ แต่ “คุณไม่จำเป็นต้องวางแผนทั้งหมดด้วยตัวเอง” เพราะ Trip Planner จาก Trip Japan Online พร้อมเป็นผู้ช่วยที่ทำให้ทุกขั้นตอน “ง่ายขึ้นในคลิกเดียว”

ไม่ว่าคุณจะอยากเที่ยวญี่ปุ่นแบบไหน…

• ทริปเที่ยวเองสำหรับมือใหม่
• ทริปขับรถเที่ยวรอบเกาะฮอกไกโด/คันโต/คิวชู
• ทริปกิน เที่ยว ช้อป แบบครบจบในทริปเดียว
• ทริปคู่รัก โรแมนติก
• ทริปครอบครัว เดินทางง่าย
• ทริปแก๊งเพื่อน เน้นสนุกและคุ้มค่า

เรามีแผนการเดินทางญี่ปุ่น ที่คัดสรรอย่างละเอียด ให้เลือกตามสไตล์ของคุณ พร้อมข้อมูลครบทั้งที่เที่ยว, ร้านอาหาร, ที่พัก, วิธีเดินทางในแต่ละวัน เวลาและเส้นทางจริงที่ใช้ได้ทันที วางแผนได้ง่ายกว่าเดิม ประหยัดเวลา และมั่นใจได้ว่าทริปของคุณจะสนุกแบบไม่มีหลง!