ลองหยิบเหรียญ 10 เยนในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาสังเกตดูภาพอาคารไม้เก่าแก่ที่ปรากฏอยู่บนเหรียญนั้น ไม่ใช่ศาลเจ้าธรรมดาทั่วไป แต่คือ “วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple)” สถาปัตยกรรมระดับตำนานที่มีอายุกว่าพันปี และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) ที่ทรงคุณค่าที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
หลายคนอาจเข้าใจว่าการไปเที่ยวเกียวโตต้องไปวัดน้ำใสหรือศาลเจ้าเสาแดงเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว หากคุณนั่งรถไฟลงมาทางตอนใต้เพียงเล็กน้อยสู่ “เมืองอุจิ (Uji)” เมืองต้นกำเนิดชาเขียวที่ดีที่สุดในโลก คุณจะได้พบกับวัดเบียวโดอิน สถานที่ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อจำลอง “สวรรค์ชั้นดุสิต” หรือดินแดนสุขาวดีตามความเชื่อในอดีต ความงดงามของตำหนักนกฟีนิกซ์ที่สะท้อนลงบนผิวน้ำนิ่งสงบ เป็นภาพที่ตราตรึงใจและดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกให้มาสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง
ในบทความนี้ Trip Japan Online จะพาคุณไปทำความรู้จักทุกซอกทุกมุมของวัดเบียวโดอิน ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา จุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาด ไปจนถึงเทคนิคการวางแผนเดินทางและข้อมูลตั๋วเข้าชมฉบับอัปเดตปี 2026 เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าการมาเยือนอุจิครั้งนี้จะคุ้มค่าและสมบูรณ์แบบที่สุด
วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple)
| หัวข้อ | รายละเอียด |
| ชื่อสถานที่ | วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple / 平等院) |
| ที่ตั้ง | เมืองอุจิ (Uji), จังหวัดเกียวโต (Kyoto) |
| จุดเด่น (Highlights) | ตำหนักนกฟีนิกซ์ (Phoenix Hall), สวนสไตล์ Jodo-shiki, พิพิธภัณฑ์โฮโชคัง |
| เวลาทำการ (สวน) | 08:30 – 17:30 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 17:15 น.) |
| เวลาทำการ (พิพิธภัณฑ์) | 09:00 – 17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:45 น.) |
| ค่าเข้าชม (ผู้ใหญ่) | 600 เยน (เข้าสวน + พิพิธภัณฑ์) *ไม่รวมค่าเข้าตำหนัก |
| การเดินทาง | เดิน 10 นาที จากสถานี JR Uji หรือ Keihan Uji |
| พิกัด Google Map | https://maps.app.goo.gl/Gn8HDRfPpMpDUcaL7 |
ทำไมวัดเบียวโดอินถึงเป็น “มรดกโลก”
เพื่อให้การเดินชมวัดฟินยิ่งขึ้น เราต้องเข้าใจที่มาที่ไปกันก่อน “วัดเบียวโดอิน” ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นวัดมาตั้งแต่แรก แต่เดิมทีที่ดินผืนนี้เคยเป็นบ้านพักตากอากาศของขุนนางตระกูลฟุจิวาระ (Fujiwara Clan) ตระกูลที่มีอำนาจมหาศาลที่สุดในยุคเฮอัน จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1052 “ฟุจิวาระ โนะ โยริมิจิ” ได้เปลี่ยนบ้านพักแห่งนี้ให้กลายเป็นวัดพุทธ

หัวใจสำคัญที่ทำให้สถาปัตยกรรมของวัดเบียวโดอินแตกต่างจากที่อื่น คือแนวคิดการสร้าง “ดินแดนสุขาวดี (Pure Land)” หรือสวรรค์บนดินตามความเชื่อของพุทธศาสนานิกายโจโด (Jodo-shu) ในยุคนั้นผู้คนเชื่อว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคเสื่อมถอย จึงโหยหาความสงบสุขในโลกหน้า การออกแบบสวน สระน้ำ และตำหนักที่ตั้งอยู่กลางน้ำ จึงเป็นการจำลองภาพของสรวงสวรรค์เพื่อให้มนุษย์ได้สัมผัสความสงบ
ความสมบูรณ์ของรูปแบบสวนและการวางผังวัดนี้เอง ทำให้วัดเบียวโดอินได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1994 ในฐานะส่วนหนึ่งของ “อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ” และยังเป็นต้นแบบให้กับวัดญี่ปุ่นอีกหลายแห่งในยุคต่อมา
3 ไฮไลต์ห้ามพลาดใน “วัดเบียวโดอิน” ที่ต้องไปชมด้วยตาตัวเอง
เมื่อก้าวเท้าผ่านประตูวัดเข้ามา คุณอาจจะตื่นตาตื่นใจกับสวนที่กว้างใหญ่ แต่ถ้าเวลามีจำกัด หรืออยากเก็บจุดสำคัญให้ครบ นี่คือ 3 จุดเช็คอินที่ Trip Japan Online คัดมาแล้วว่า “ห้ามพลาด” เด็ดขาด!

ตำหนักนกฟีนิกซ์ (Phoenix Hall / Ho-o-do)
นี่คือพระเอกของงานที่ปรากฏอยู่บนเหรียญ 10 เยน อาคารไม้สีแดงชาดที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะกลางน้ำ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “อมิดะโด (Amida-do)” ภายในประดิษฐานพระอมิตาภะพุทธเจ้าแกะสลักไม้ปิดทององค์ใหญ่ ฝีมือของช่างแกะสลักระดับตำนานชื่อ “โจโช (Jocho)”
- ทำไมถึงเรียกว่าตำหนักนกฟีนิกซ์? : หากสังเกตที่จั่วหลังคาด้านบนสุด คุณจะเห็นรูปปั้นนกฟีนิกซ์ (Ho-o) สองตัวหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครองวัด และปีกอาคารทั้งสองข้างที่ยื่นยาวออกไปยังดูคล้ายกับปีกนกที่กำลังกางออกเพื่อบินสู่สวรรค์อีกด้วย
การเข้าชมภายในตำหนักต้องซื้อตั๋วแยกเพิ่ม (300 เยน) และมีการจำกัดรอบเข้าชมทุก ๆ 20 นาที แนะนำว่าเมื่อไปถึงวัด ให้รีบเดินไปจองรอบที่จุดขายตั๋วหน้าตำหนักก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยใช้เวลาที่เหลือเดินชมสวน

สวนโจโดชิกิ (Jodo shiki Garden)
ลืมภาพสวนญี่ปุ่นแบบหินกรวด (Zen Garden) ไปก่อน เพราะที่วัดเบียวโดอินคือต้นแบบของ “สวนสไตล์ดินแดนบริสุทธิ์ (Pure Land Garden)” ที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุด สระน้ำ “อาจิอิเกะ (Aji-ike Pond)” ที่ล้อมรอบตำหนักไม่ได้มีไว้แค่ความสวยงาม แต่ถูกออกแบบให้ผิวน้ำนิ่งสนิทเพื่อสะท้อนเงาของตำหนักนกฟีนิกซ์
- จุดถ่ายรูปยอดฮิต (Insta-Worthy Spot) : มุมมหาชนอยู่บริเวณด้านหน้าสระน้ำฝั่งตรงข้ามตำหนัก หากคุณมาในช่วงเช้าที่แดดส่องกระทบหน้าอาคารและลมสงบ คุณจะได้ภาพ “Double Phoenix Hall” ที่อาคารจริงและเงาสะท้อนบรรจบกันเป็นภาพเดียวกัน เป็นช็อตที่ช่างภาพทั่วโลกใฝ่ฝัน

พิพิธภัณฑ์โฮโชคัง (Hoshokan Museum)
อย่ามองข้ามอาคารทรงโมเดิร์นที่ดูทันสมัยแห่งนี้เด็ดขาด! เพราะพิพิธภัณฑ์โฮโชคังคือสถานที่เก็บรักษา “สมบัติชาติ” (National Treasures) ของจริงเอาไว้ เพื่อป้องกันความเสียหายจากสภาพอากาศ
- สิ่งที่ต้องดู :
- ระฆังวัดโบราณ : หนึ่งในระฆังที่มีลวดลายวิจิตรที่สุดในโลก
- นกฟีนิกซ์ตัวต้นแบบ : นกบนหลังคาตำหนักปัจจุบันเป็นของจำลอง แต่ตัวจริงอายุกว่าพันปีถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ คุณจะได้เห็นรายละเอียดความพลิ้วไหวของปีกนกในระยะประชิด
- พระโพธิสัตว์บนก้อนเมฆ (Praying Bodhisattva on Clouds) : รูปแกะสลักไม้ขนาดเล็กจำนวน 26 องค์ที่เคยติดอยู่ในตำหนัก แต่ละองค์มีท่าทางเล่นดนตรีและร่ายรำต่างกัน เป็นงานศิลปะที่ละเอียดอ่อน
อย่าลืม! สัมผัสรสชาติแห่งอุจิ จิบชาเขียวแท้ในบรรยากาศมรดกโลก
มาถึงเมืองอุจิทั้งที ถ้าไม่ได้ลิ้มรส “ชาเขียวอุจิ (Uji Tea)” ก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่คือแหล่งปลูกชาที่ได้รับการยกย่องว่าคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และความพิเศษของการมาเยือนวัดเบียวโดอินคือ คุณสามารถนั่งจิบชาเกรดพรีเมียมได้ภายในเขตวัดเลย!

Tea Salon “Toka” (ร้านชาโทกะ)
ซ่อนตัวอยู่ภายในบริเวณสวนของวัด ร้านน้ำชาเล็ก ๆ แห่งนี้ใช้ใบชาแท้ 100% ที่ปลูกในเมืองอุจิ เมนูแนะนำที่อยากให้ลองคือ “ชุดมัทฉะ” (Matcha Set) ที่เสิร์ฟพร้อมขนมหวานญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม (Wagashi) รสขมกลมกล่อมของชาตัดกับความหวานของขนมได้อย่างลงตัว
- ความพิเศษ : การได้นั่งจิบชาหอม ๆ พลางชมวิวสวนญี่ปุ่นที่จัดแต่งมาอย่างประณีต เป็นช่วงเวลาแห่งความสงบที่หาไม่ได้จากคาเฟ่ทั่วไปข้างนอก เป็นประสบการณ์ที่ช่วยเติมเต็มคำว่า “พักผ่อน” ได้อย่างแท้จริงครับ
- ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์โฮโชคัง เปิดบริการ 10:00 – 16:30 น. (ปิดรับออเดอร์ 16:00 น.)
ไปวัดเบียวโดอินอย่างไรให้สะดวกที่สุด?
วัดเบียวโดอินตั้งอยู่ในเมืองอุจิ ทางตอนใต้ของจังหวัดเกียวโต การเดินทางมาที่นี่ทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความสะดวกและสไตล์การท่องเที่ยวของคุณ

1. เดินทางด้วยรถไฟ (Train)
เหมาะสำหรับคนที่เดินทางคนเดียวหรือมาเป็นคู่ มี 2 เส้นทางหลักที่เข้าถึงได้ง่าย :
- JR Nara Line : ลงสถานี Uji Station แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที (ใช้ JR Pass ได้)
- ข้อดี : สะดวกสำหรับคนที่มาจากสถานี Kyoto Station (ใช้เวลาเพียง 17-20 นาที โดยรถไฟขบวน Rapid)
- Keihan Uji Line : ลงสถานี Keihan Uji Station แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
- ข้อดี : เหมาะสำหรับคนที่พักย่าน Gion หรือมาจากฝั่ง Osaka (Yodoyabashi/Kyobashi)
2. ขับรถเที่ยวเอง (Self-Drive)
หากคุณมาเป็นครอบครัว มีผู้สูงอายุ หรือมีแพลนจะไปเที่ยวหลายที่ในวันเดียว (เช่น แวะศาลเจ้า Fushimi Inari ก่อน แล้วมาอุจิ ต่อด้วยนารา) การเช่ารถขับ คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด
- Freedom : ไม่ต้องกังวลเรื่องรอบรถไฟ หรือต้องเดินไกลจากสถานี (โดยเฉพาะหน้าร้อนหรือหน้าฝน)
- Parking : รอบ ๆ วัดเบียวโดอินมีลานจอดรถเอกชน (Coin Parking) ให้บริการหลายแห่ง ราคาเฉลี่ยประมาณ 700-1,000 เยนต่อวัน
- Service : ที่ Trip Japan Online เรามีบริการรถเช่าพร้อมคำแนะนำเรื่องการขับขี่ในญี่ปุ่น ทำให้คุณมั่นใจและปลอดภัยตลอดการเดินทาง “จองเลย!”
รู้ก่อนไป! ค่าเข้าชมและเวลาทำการ (อัปเดต 2026)
เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะตั๋วเข้าชมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน นักท่องเที่ยวหลายคนมักสับสน มาเช็คข้อมูลที่ถูกต้องกัน
| ประเภท | ผู้ใหญ่ | นักเรียนมัธยม | นักเรียนประถม | สิ่งที่เข้าชมได้ |
| ตั๋วเข้าชมทั่วไป | 600 เยน | 400 เยน | 300 เยน | เดินชมสวนรอบ ๆ + เข้าพิพิธภัณฑ์โฮโชคัง |
| ตั๋วเข้าตำหนัก Phoenix | 300 เยน | 300 เยน | 300 เยน | เข้าชมภายในโถงที่มีพระอมิตาภะ (ต้องซื้อเพิ่มข้างใน) |
คำแนะนำเพิ่มเติม :
- การจองรอบตำหนัก : หากตั้งใจจะเข้าชมภายในตำหนัก (Phoenix Hall) ทันทีที่ผ่านประตูวัดเข้ามา ให้ตรงไปที่ซุ้มขายตั๋วหน้าตำหนักเพื่อจองรอบเวลาก่อนเลยครับ เพราะรอบมักจะเต็มเร็วมาก โดยเฉพาะช่วงซากุระและใบไม้แดง
- เวลาทำการ :
- สวน : เปิด 8:30 น. (เหมาะกับคนชอบถ่ายรูปแสงเช้า)
- พิพิธภัณฑ์ : เปิด 9:00 น.
- ปิดรับเข้า : 17:15 น.
วัดเบียวโดอินสวยงามทุกฤดู แต่จะมี 2 ช่วงเวลาที่ถือเป็น “Golden Time” ของที่นี่ :
- กลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นธันวาคม (ฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี) : ต้นเมเปิ้ลรอบสระน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและส้ม เป็นช่วงที่นักถ่ายภาพนิยมมาเก็บภาพเงาสะท้อนน้ำที่มีสีสันจัดจ้านที่สุด
- ปลายเดือนเมษายน – ต้นพฤษภาคม (ฤดูกาลดอกวิสทีเรีย) : นอกจากซากุระแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่อง “ดอกวิสทีเรีย (Wisteria)” สีม่วงที่บานอยู่ข้างสระน้ำ ตัดกับสีแดงของตำหนักได้อย่างงดงาม
เที่ยวอุจิให้ครบ แวะที่ไหนต่อดี?
ไหนๆ ก็มาถึงเมืองอุจิทั้งที อย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ เพราะรอบ ๆ วัดเบียวโดอินยังมีจุดเช็คอินน่าสนใจที่เดินถึงกันได้สบาย ๆ :
- ถนนเบียวโดอิน โอโมเตะซานโด (Byodoin Omotesando) : ถนนสายชาเขียวที่หอมตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคั่วชา แวะซื้อของฝากและชิมขนมอร่อยๆ ได้ตลอดทาง
- ศาลเจ้าอุจิงามิ (Ujigami Shrine) : เดินข้ามสะพานแดงไปอีกฝั่งแม่น้ำอุจิ จะพบกับศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นมรดกโลกเช่นกัน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องรางกระต่ายน่ารักๆ
- สะพานอุจิ (Uji Bridge) : สะพานข้ามแม่น้ำที่สวยงามและเป็นฉากสำคัญในนวนิยาย “ตำนานเก็นจิ (The Tale of Genji)” บรรยากาศตอนเย็นที่นี่โรแมนติกมาก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ “วัดเบียวโดอิน” (FAQ)
- ถาม : ควรใช้เวลาเที่ยวชมวัดเบียวโดอินนานแค่ไหน?
- ตอบ : โดยทั่วไปแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง แบ่งเป็นเดินชมสวนและถ่ายรูป 45 นาที, เข้าชมพิพิธภัณฑ์ 30-45 นาที และเผื่อเวลาสำหรับนั่งจิบชาหรือรอรอบเข้าชมตำหนักอีกเล็กน้อย
- ถาม : มีที่ฝากกระเป๋าเดินทางไหม?
- ตอบ : หน้าทางเข้าวัดไม่มีล็อกเกอร์ให้บริการครับ แนะนำให้ฝากกระเป๋าไว้ที่ Coin Locker ที่สถานี JR Uji หรือ Keihan Uji ก่อนเดินมาที่วัดจะสะดวกที่สุด จะได้เดินตัวปลิวถ่ายรูปสวยๆ ได้ไม่ต้องพะวงสัมภาระ
- ถาม : ผู้ใช้วีลแชร์ (Wheelchair) สามารถเข้าชมได้ไหม?
- ตอบ : เข้าชมได้ บริเวณสวนและทางเดินรอบ ๆ วัดเป็นทางราบที่วีลแชร์เข็นได้สะดวก ส่วนพิพิธภัณฑ์โฮโชคังก็มีลิฟต์ให้บริการ แต่การเข้าชมภายในตำหนักนกฟีนิกซ์อาจไม่สะดวกเนื่องจากเป็นบันไดไม้โบราณ
- ถาม : แถวหน้าวัดมีของกินแนะนำไหม?
- ตอบ : พลาดไม่ได้เลยครับ! ถนน Byodoin Omotesando ที่นำไปสู่ประตูวัด เต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายผลิตภัณฑ์จากชาเขียวอุจิ ทั้งซอฟต์ครีมชาเขียว (Soft Serve), ดังโงะราดซอสชาเขียว และเส้นโซบะชาเขียว ต้องลองชิมให้ได้นะ
บทสรุป ทำไม “วัดเบียวโดอิน” ถึงคุ้มค่าแก่การมาเยือน?
วัดเบียวโดอิน ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพบนเหรียญ 10 เยน หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่คือเครื่องพิสูจน์ถึงความรุ่งเรืองของศิลปะและสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่ส่งต่อกันมายาวนานนับพันปี การได้มาเดินทอดน่องในสวนที่จำลองดินแดนสุขาวดี ชมเงาสะท้อนที่นิ่งสงบ และสัมผัสกลิ่นอายของเมืองชาเขียวต้นตำรับ คือประสบการณ์ที่ “ฮีลใจ” และเติมเต็มพลังงานชีวิตได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าคุณจะเป็นสายถ่ายรูป สายบุญ หรือสายกิน การมาเยือนเมืองอุจิและวัดเบียวโดอิน จะเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดในทริปเกียวโตของคุณแน่นอนครับ
จัดทริปเที่ยวญี่ปุ่นในแบบของคุณ กับ Trip Japan Online
หากคุณอยากมาสัมผัสความงามของวัดเบียวโดอิน หรือที่เที่ยวอื่น ๆ ในญี่ปุ่น แต่ยังกังวลเรื่องการเดินทาง… “ให้การเที่ยวญี่ปุ่นของคุณเป็นเรื่องง่าย ด้วยการจัดแพลนท่องเที่ยวกับเรา Trip Japan Online” เราพร้อมช่วยคุณจัดทริปเที่ยวญี่ปุ่นในแบบของคุณ เที่ยวด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ ไม่ว่าจะมากันทั้งครอบครัว แกงค์เพื่อน หรือคู่รัก จะสายกิน สายช้อป หรือสายธรรมชาติ คุณก็กำหนดแผนการเดินทางได้เอง เลือกได้ในแบบที่คุณต้องการ

มือใหม่เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก ก็ไม่ต้องกังวล! เพราะเรามีไกด์คนไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นกว่า 10 ปี คอยเป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยวางแพลนการเดินทาง แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และจัดเส้นทางตลอดทริปให้คุ้มค่าที่สุด รับรองว่าคุณจะเที่ยวสนุก ประทับใจ และอยากกลับไปญี่ปุ่นอีกรอบแน่นอน เริ่มวางแผนทริปในฝันของคุณได้ที่นี่ @Tripjapan



