ใครมีแพลนจะไปตะลุยญี่ปุ่นในปี 2025 บ้าง ยกมือขึ้น! …แต่เดี๋ยวก่อน! ก่อนจะจองตั๋วเครื่องบินรัว ๆ แอบได้ยินข่าวร้ายมาว่า “ค่าครองชีพญี่ปุ่น” มีแนวโน้มจะ แพงหูฉี่ ขึ้นไปอีก ทำเอาหลายคนเริ่มกุมขมับ กลัวงบเที่ยวจะบานปลาย กลัวเที่ยวไม่สนุก หรือต้องตัดใจทิ้งกิจกรรมที่อยากทำบางอย่างไป…”
“เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มกังวลแล้วใช่ไหมล่ะ? ว่าทริปในฝันที่วาดไว้ จะกลายเป็นทริปที่ต้องกินมาม่าทุกมื้อรึเปล่า? อย่าเพิ่งถอดใจ! เพราะวันนี้เรามีข่าวดี! “
“บทความนี้จะมาเปิดโปงทุกสาเหตุที่ทำให้ “ค่าครองชีพญี่ปุ่น” พุ่งกระฉูดในปี 2025 (แบบเจาะลึก!) พร้อมบอกผลกระทบที่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ จะต้องเจอ แต่ที่เด็ดสุดคือ เรามีเคล็ดลับจัดเต็ม ที่จะช่วยให้คุณวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบโคตรคุ้ม! ไม่ว่าจะเป็นทริคจองตั๋วเครื่องบิน-ที่พักราคาถูก, วิธีกิน-เที่ยว-ช้อปแบบประหยัด, ไปจนถึงวิธีเอาตัวรอดจากค่าเงินเยนที่แข็งค่า! “
“อ่านจบบทความนี้ รับรองว่าคุณจะสามารถวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นปี 2025 ได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวงบเกิน เที่ยวสนุกได้เต็มที่ แถมยังเหลือเงินไว้ช้อปปิ้งของฝากอีกเพียบ! พร้อมแล้วก็… ไปลุยกันเลย! “
ทำไม “ค่าครองชีพญี่ปุ่น” ถึงพุ่งสูงขึ้นในปี 2025?

1. ค่าเงินเยนแข็ง แลกเงินที…น้ำตาแทบไหล
“หนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่นแพงขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยก็คือ ค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินบาทนั่นเอง อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เราต้องใช้เงินบาท มากขึ้น เพื่อแลกเงินเยนในจำนวนเท่าเดิม “
ยกตัวอย่างเช่น :
- ปี 2023 : 100 เยน อาจจะแลกได้ด้วยเงินประมาณ 25 บาท
- ปี 2025 (คาดการณ์) : 100 เยน อาจจะต้องใช้เงินถึง 27-28 บาท หรือมากกว่านั้นในการแลก
“(อ้างอิง : https://www.reuters.com/world/japan/)”
“นั่นหมายความว่า ทุกๆ การใช้จ่ายในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นค่ากิน, ค่าเดินทาง, ค่าช้อปปิ้ง, หรือค่าที่พัก จะแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะเราต้องใช้เงินบาทแลกมากขึ้นเพื่อให้ได้เยนมาจ่าย “
2. ภาวะเงินเฟ้อในญี่ปุ่น ของก็แพงขึ้นไปอีก!
“นอกจากค่าเงินเยนแล้ว ภาวะเงินเฟ้อ ในญี่ปุ่นก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการต่างๆ แพงขึ้น เงินเฟ้อคืออะไร? อธิบายง่าย ๆ คือ ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เงินที่เรามีอยู่ซื้อของได้น้อยลง”
“(อ้างอิง : https://www.stat.go.jp/english/)”
“ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นจะไม่ได้สูงเท่าประเทศอื่นๆ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพอยู่ดี เพราะราคาสินค้าหลายๆ อย่างที่เราต้องซื้อระหว่างเที่ยวญี่ปุ่น เช่น อาหาร, เครื่องดื่ม, หรือค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ อาจจะมีการปรับราคาขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ”
3. การปรับขึ้นภาษีการบริโภค (Consumption Tax) จ่ายเพิ่มอีกแล้ว!
“อีกเรื่องที่ต้องจับตามองก็คือ ภาษีการบริโภค (Consumption Tax) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า VAT ของญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 10% (ณ ปี 2024) แต่ก็มีข่าวลือและกระแสการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีนี้ในอนาคต ถ้ามีการปรับขึ้นภาษี Consumption Tax จริง ก็จะส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเกือบทุกอย่างในญี่ปุ่นแพงขึ้น เพราะภาษีนี้จะถูกบวกเข้าไปในราคาสินค้าที่เราซื้อ”
“(อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/world/1157405)”
4. ต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น แพงตั้งแต่ต้นทาง!
“อย่างที่รู้กันดีว่าทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหา ต้นทุนพลังงาน (น้ำมัน, ก๊าซ, ไฟฟ้า) และ วัตถุดิบ ต่างๆ ที่สูงขึ้น ซึ่งญี่ปุ่นเองก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน เพราะญี่ปุ่นต้องนำเข้าพลังงานและวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เมื่อต้นทุนเหล่านี้สูงขึ้น ก็จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการต่างๆ ในญี่ปุ่นสูงขึ้นตามไปด้วย และสุดท้ายก็จะถูกผลักภาระมาให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ “
5. ปัจจัยอื่น ๆ
“นอกจากปัจจัยหลัก ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อค่าครองชีพในญี่ปุ่นได้ เช่น :”
- นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล : หากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง ก็อาจจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากค่าเงินเยนแข็งค่าได้บ้าง (แต่ก็ต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด)
- การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว : หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้ Demand ในภาคการท่องเที่ยวสูงขึ้น และส่งผลให้ราคาที่พัก, ตั๋วเครื่องบิน, หรือกิจกรรมต่างๆ แพงขึ้นได้
“ค่าครองชีพญี่ปุ่น” มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว

“เมื่อ “ค่าครองชีพญี่ปุ่น” สูงขึ้นในปี 2025 แน่นอนว่ากระทบกระเป๋าสตางค์ของนักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ เต็ม ๆ แล้วค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้างที่จะ แพงขึ้น อย่างเห็นได้ชัด? มาดูกันเลย!”
ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่แพงขึ้น?
- ค่าเดินทาง :
- ตั๋วเครื่องบิน : ราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับญี่ปุ่นอาจจะแพงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด
- ค่าเดินทางในประเทศ : ไม่ว่าจะเป็นรถไฟชินคันเซ็น, รถไฟท้องถิ่น, รถบัส, หรือแม้แต่แท็กซี่ ก็มีแนวโน้มที่จะปรับราคาขึ้นตามค่าครองชีพและค่าพลังงาน
- ค่าที่พัก : โรงแรม, เรียวกัง, โฮสเทล, หรือ Airbnb: ราคาเฉลี่ยต่อคืนอาจสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ หรือช่วงฤดูท่องเที่ยว
- ค่าอาหาร : ร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ, ตลาด: ราคาอาหารโดยรวมอาจแพงขึ้น ทั้งจากวัตถุดิบที่แพงขึ้น และค่าแรงที่อาจปรับขึ้น
- ค่าเข้าชมสถานที่ : ค่าเข้าชมวัด, ศาลเจ้า, พิพิธภัณฑ์, สวนสนุก, หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ: อาจมีการปรับราคาขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น
- ค่าช้อปปิ้ง : ของฝาก, สินค้าแบรนด์เนม, หรือสินค้าอื่นๆ: อาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินเยนที่แข็งค่า, ภาษี, และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ทริปเดียวกันแต่แพงกว่าเดิม!
รายการ | ค่าใช้จ่ายปี 2024 (ประมาณ) | ค่าใช้จ่ายปี 2025 (คาดการณ์) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ | 15,000 บาท | 18,000 – 20,000 บาท | ขึ้นอยู่กับสายการบินและช่วงเวลาจอง |
ค่าที่พัก (5 คืน) | 10,000 บาท | 12,000 – 15,000 บาท | ราคาเฉลี่ยต่อคืนอาจเพิ่มขึ้น 20-50% |
ค่าเดินทางในประเทศ | 5,000 บาท | 6,000 – 7,000 บาท | ขึ้นอยู่กับเส้นทางและประเภทการเดินทาง |
ค่าอาหาร (7 วัน) | 7,000 บาท | 8,000 – 10,000 บาท | ราคาเฉลี่ยต่อมื้ออาจเพิ่มขึ้น 10-20% |
ค่าเข้าชมสถานที่ | 2,000 บาท | 2,500 – 3,000 บาท | |
ค่าช้อปปิ้ง | 5,000 บาท | 5,000 บาท (ซื้อของได้น้อยลง) | หากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น |
รวม (โดยประมาณ) | 44,000 บาท | 51,500 – 58,000 บาท |
(หมายเหตุ : ตัวเลขในตารางเป็นเพียงค่าประมาณการ และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ)
เคล็ดลับ! วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น 2025 แบบ “ประหยัด” สุด ๆ
“ถึงค่าครองชีพจะพุ่ง แต่เราก็ยังเที่ยวญี่ปุ่นแบบสบายกระเป๋าได้! มาดูเคล็ดลับขั้นเทพที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้แบบสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน, เรื่องเที่ยว, เรื่องช้อป… ครบจบในที่เดียว!

1. วางแผนล่วงหน้า & จองทุกอย่างแต่เนิ่น ๆ ยิ่งเร็วยิ่งดี!
หัวใจสำคัญของการเที่ยวแบบประหยัดคือ การวางแผน ครับ! ยิ่งวางแผนล่วงหน้านานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสได้ราคาดีๆ มากขึ้นเท่านั้น :
- ตั๋วเครื่องบิน :
- จองล่วงหน้าหลาย ๆ เดือน : โดยทั่วไปแล้ว ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านั้นถ้าเป็นช่วง High Season
- เปรียบเทียบราคา : ใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน เช่น Skyscanner, Google Flights, Expedia, ฯลฯ เพื่อหาราคาที่ดีที่สุด
- สายการบิน Low-cost : พิจารณาสายการบินต้นทุนต่ำ เช่น AirAsia, Scoot, Jetstar, Peach, ฯลฯ (แต่อาจจะต้องแลกมาด้วยความสะดวกสบายที่น้อยลง)
- วันเดินทาง : ลองเลื่อนวันเดินทางไป-กลับ สัก 1-2 วัน (เช่น แทนที่จะบินวันศุกร์-อาทิตย์ ลองดูวันพฤหัส-เสาร์) บางทีอาจได้ราคาถูกกว่า
- ที่พัก :
- จองล่วงหน้า : เช่นเดียวกับตั๋วเครื่องบิน ยิ่งจองล่วงหน้านานก็ยิ่งมีโอกาสได้ราคาดี และมีตัวเลือกเยอะ
- เปรียบเทียบราคา : ใช้เว็บไซต์จองที่พัก เช่น Booking.com, Agoda, Expedia, Airbnb, ฯลฯ เพื่อเปรียบเทียบราคาและหาดีลที่ดีที่สุด
- ที่พักนอกเมือง : ลองพิจารณาที่พักที่อยู่นอกเมืองหลัก (เช่น พักในเมืองรอบๆ โตเกียว แทนที่จะพักในใจกลางโตเกียว) ราคาอาจจะถูกกว่า แต่ต้องคำนวณค่าเดินทางเข้าเมืองด้วย
- พาสเดินทาง :
- ศึกษาเส้นทาง : วางแผนเส้นทางการเดินทางล่วงหน้า ว่าจะไปเที่ยวเมืองไหนบ้าง
- คำนวณค่าเดินทาง : ลองคำนวณค่าเดินทางคร่าวๆ ว่าถ้าเดินทางโดยไม่ใช้พาส จะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
- เลือกพาสที่คุ้มค่า : เปรียบเทียบราคาและสิทธิประโยชน์ของพาสต่างๆ เช่น JR Pass, Tokyo Subway Ticket, Osaka Amazing Pass, Kansai Thru Pass, ฯลฯ
- ซื้อพาสล่วงหน้า : บางพาสอาจมีส่วนลดเมื่อซื้อล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ หรือตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย
- กิจกรรม/สถานที่ท่องเที่ยว :
- จองตั๋วล่วงหน้า : สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง (เช่น Tokyo Disneyland, Universal Studios Japan) อาจมีส่วนลดเมื่อจองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ หรืออาจจะจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละวัน
- มองหากิจกรรมฟรี : ลองหากิจกรรมที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น การเดินเล่นในสวนสาธารณะ, การชมวิวเมืองจากจุดชมวิวฟรี, การเข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่น
2. เลือกช่วงเวลาเที่ยวให้ดี : หนี High Season!
“ช่วงเวลาที่เราไปเที่ยว ก็มีผลต่อค่าใช้จ่ายอย่างมากครับ ถ้าอยากประหยัด หลีกเลี่ยงช่วง High Season ให้ไกลเลย!”
- High Season (ราคาแพง, คนเยอะ ) :
- ช่วงซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน
- ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม – ปลายเดือนพฤศจิกายน
- Golden Week : ปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม
- วันหยุดยาวของญี่ปุ่น : เช่น วันปีใหม่, วันเด็ก, วัน Obon
- Low Season (ราคาถูก, คนน้อย) :
- ช่วงเดือนมิถุนายน : หลัง Golden Week
- ช่วงเดือนกันยายน : ก่อนใบไม้เปลี่ยนสี
- ช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ : หลังปีใหม่ (แต่อากาศจะหนาวมาก)
- ช่วงกลางสัปดาห์ : ราคาที่พักและตั๋วเครื่องบินมักจะถูกกว่าวันสุดสัปดาห์
3. ประหยัดค่าที่พัก : ไม่ต้องหรูก็อยู่ได้!
“ค่าที่พักเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักของการเที่ยวญี่ปุ่น แต่เราสามารถประหยัดได้เยอะเลยครับ ถ้าเลือกที่พักให้ดี:”
- โรงแรมแคปซูล : เหมาะสำหรับคนที่เดินทางคนเดียว, ต้องการประหยัด, ไม่ซีเรียสเรื่องความเป็นส่วนตัว ราคาถูก, สะดวก, มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบ พื้นที่แคบ, อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนกลัวที่แคบ
- โฮสเทล : เหมาะสำหรับคนที่เดินทางคนเดียว หรือกลุ่มเพื่อน, ต้องการประหยัด, อยากพบปะเพื่อนใหม่ ราคาถูกกว่าโรงแรม, มีห้องพักให้เลือกทั้งแบบห้องรวมและห้องส่วนตัว, มีพื้นที่ส่วนกลางให้ทำกิจกรรมร่วมกัน อาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าโรงแรม
- เกสต์เฮาส์ : เหมาะสำหรับคนที่ต้องการที่พักบรรยากาศอบอุ่น, เป็นกันเอง, ราคาไม่แพง ราคาถูกกว่าโรงแรม, มักจะมีเจ้าของที่พักที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ อาจจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าโรงแรม
- Airbnb : เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อน, ครอบครัว, หรือคนที่ต้องการที่พักที่มีครัว มีตัวเลือกหลากหลาย, ราคาอาจจะถูกกว่าโรงแรม (โดยเฉพาะถ้าพักหลายคน), สามารถทำอาหารเองได้ แต่ต้องระมัดระวังในการเลือกที่พัก, ควรอ่านรีวิวให้ดีก่อนจอง
- พักนอกเมือง : ที่พักในเมืองรอบ ๆ เมืองท่องเที่ยวหลัก มักจะมีราคาถูกกว่า ต้องคำนวณค่าเดินทางเข้าเมือง และเวลาที่ใช้ในการเดินทางด้วย
4. ประหยัดค่าอาหาร : กินแบบ Local อร่อยแถมถูก!
เรื่องกินก็สำคัญ! ไม่จำเป็นต้องเข้าร้านหรูทุกมื้อ เราก็อิ่มอร่อยกับอาหารญี่ปุ่นได้แบบสบายกระเป๋า :
- ร้านสะดวกซื้อ : Lawson, 7-Eleven, FamilyMart : มีอาหารให้เลือกหลากหลาย ทั้งข้าวปั้น, เบนโตะ, โอเด้ง, ขนม, เครื่องดื่ม, ฯลฯ ราคาไม่แพง, มีโปรโมชั่นบ่อย ๆ
- ร้านอาหารท้องถิ่น : ร้านราเม็ง, ร้านข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon), ร้านซูชิสายพาน, ร้านอาหารตามสั่ง: ราคาถูกกว่าร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว ลองมองหาร้านที่คนท้องถิ่นกินเยอะ ๆ
- ซูเปอร์มาร์เก็ต : ซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเอง (ถ้าพัก Airbnb หรือที่พักที่มีครัว) ช่วงเย็น ๆ มักจะมีอาหารลดราคา
- Lunch Set : ร้านอาหารหลายแห่งจะมี Lunch Set (อาหารชุดกลางวัน) ซึ่งมักจะมีราคาถูกกว่าอาหารตามสั่ง
- ร้านอาหาร 100 เยน : มีอาหารและเครื่องดื่มราคา 100 เยน (ยังไม่รวมภาษี) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดสุดๆ
5. ประหยัดค่าเดินทาง : ใช้พาสให้คุ้ม เดินบ้างก็ได้!
ค่าเดินทางในญี่ปุ่นอาจจะแพง แต่ถ้าเราวางแผนดี ๆ ก็ประหยัดได้เยอะ :
- ใช้พาสให้คุ้ม : วางแผนเส้นทาง, คำนวณค่าเดินทาง เลือกพาสที่เหมาะสมกับแผนการเดินทางของเรา (JR Pass, Tokyo Subway Ticket, Osaka Amazing Pass, etc.) ซื้อพาสล่วงหน้า (อาจมีส่วนลด)
- เดิน : ถ้าสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้กัน, เดินจะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้ (แถมได้ออกกำลังกายด้วย!) ใช้ Google Maps ช่วยนำทาง
- เช่าจักรยาน : ในบางเมืองมีบริการให้เช่าจักรยาน, เหมาะสำหรับการเที่ยวชมเมืองในระยะใกล้ ๆ ราคาไม่แพง, ได้ออกกำลังกาย, และได้สัมผัสบรรยากาศเมืองอย่างใกล้ชิด
6. ประหยัดค่าเข้าชมสถานที่ : เที่ยวฟรีก็มีเพียบ!
ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเข้าชมสถานที่ทุกที่ เราก็เที่ยวญี่ปุ่นได้สนุก :
- สถานที่ฟรี : อย่างเช่น วัด, ศาลเจ้า (หลายแห่งเข้าชมฟรี) สวนสาธารณะ (เช่น Ueno Park, Shinjuku Gyoen National Garden) จุดชมวิวฟรี (เช่น Tokyo Metropolitan Government Building)
- ซื้อตั๋วล่วงหน้า : สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจมีส่วนลดเมื่อซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์
- บัตรส่วนลด : มองหาบัตรส่วนลดสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น Grutt Pass (สำหรับเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในโตเกียว)
7. ช้อปปิ้งอย่างชาญฉลาด : ของถูกและดี มีอยู่จริง!
ถึงจะประหยัด แต่ก็ยังอยากช้อป! มาดูวิธีช้อปปิ้งแบบคุ้มๆ กัน :
- ร้าน 100 เยน : Daiso, Seria, Can Do: มีสินค้าหลากหลาย, ราคาถูก (ส่วนใหญ่ 100 เยน + ภาษี) เหมาะสำหรับซื้อของฝาก, ของใช้จุกจิก
- ร้าน Don Quijote (ดองกี้) : มีสินค้าหลากหลาย, ราคาถูก, มีสินค้า Tax-Free เปิด 24 ชั่วโมง (บางสาขา)
- ร้านมือสอง : Book Off, Hard Off มีสินค้ามือสองคุณภาพดี ราคาถูก (หนังสือ, เสื้อผ้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ฯลฯ)
- ขอ Tax Refund : ซื้อสินค้าครบ 5,000 เยน (ไม่รวมภาษี) ขึ้นไป ที่ร้านค้าที่มีป้าย Tax-Free และแสดง Passport ตอนชำระเงิน
8. เคล็ดลับอื่น ๆ : เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ช่วยได้เยอะ!
นอกจากเคล็ดลับหลัก ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยประหยัดได้อีก :
- แลกเงินเยน : ติดตามอัตราแลกเปลี่ยน, แลกเงินเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนดี หรือใช้บัตร Travel Card (อาจจะได้เรทดีกว่าแลกเงินสด)
- Pocket Wifi/ซิมการ์ด : เลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมกับการใช้งาน หรือเช่า Pocket Wifi หรือซื้อซิมการ์ดแบบเติมเงิน (อาจจะถูกกว่าเปิดโรมมิ่ง)
- ประกันการเดินทาง : ซื้อประกันการเดินทางเผื่อกรณีฉุกเฉิน (เจ็บป่วย, อุบัติเหตุ, กระเป๋าเดินทางหาย, ฯลฯ)

“เอาล่ะ! อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงเริ่มเห็นภาพแล้วว่า ถึงแม้ “ค่าครองชีพญี่ปุ่น” ปี 2025 จะมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่การเที่ยวญี่ปุ่นแบบ ประหยัด ก็ยังเป็นไปได้! เพียงแค่เรา วางแผน ให้ดี และนำเคล็ดลับต่างๆ ที่ได้แนะนำไปข้างต้นไปปรับใช้ ทั้งเรื่องการจองตั๋วเครื่องบิน-ที่พักล่วงหน้า, การเลือกช่วงเวลาเดินทาง, การประหยัดค่าอาหาร-ค่าเดินทาง-ค่าเข้าชม, ไปจนถึงการช้อปปิ้งอย่างชาญฉลาด “
“การวางแผนล่วงหน้า ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณ ควบคุมงบประมาณ ได้อยู่หมัดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณ เที่ยวได้อย่างสนุก และ ไม่ต้องกังวล เรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจจะบานปลาย ทำให้ทริปญี่ปุ่นของคุณเป็นทริปที่ คุ้มค่า และ น่าจดจำ ที่สุด! แล้วคุณล่ะ… พร้อมที่จะวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นสุดคุ้มในปี 2025 แล้วหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว… เริ่มเลย! “
คำถามที่พบบ่อย “ค่าครองชีพญี่ปุ่น” (FAQ)
“ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัดในปี 2025 อยู่ใช่ไหม? ไม่ต้องกังวล! เรารวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบแบบเคลียร์ ๆ มาให้แล้ว! “
- คำถาม : เที่ยวญี่ปุ่นช่วงไหนถูกที่สุด?
- คำตอบ : โดยทั่วไปแล้ว ช่วง Low Season ของญี่ปุ่น (เดือนมิถุนายน, กันยายน, มกราคม-กุมภาพันธ์) มักจะมีราคาตั๋วเครื่องบินและที่พักถูกกว่าช่วง High Season (ช่วงซากุระ, ใบไม้เปลี่ยนสี, Golden Week) ครับ แต่ก็ต้องแลกมากับสภาพอากาศที่อาจจะไม่เป็นใจเท่าไหร่ (เช่น ฝนตก, อากาศหนาว) และบางสถานที่ท่องเที่ยวอาจจะปิดให้บริการ
- คำถาม : จำเป็นต้องซื้อ JR Pass ไหม?
- คำตอบ : ไม่จำเป็นเสมอไป! ต้องลองคำนวณค่าเดินทางดูก่อนว่าคุ้มไหม ถ้าเดินทางข้ามเมืองบ่อย ๆ, ใช้ชินคันเซ็นเยอะๆ, หรือเดินทางเป็นระยะเวลานาน ๆ (เช่น 7 วัน, 14 วัน, 21 วัน) JR Pass อาจจะคุ้ม แต่ถ้าเน้นเที่ยวแค่ในเมืองเดียว หรือเดินทางไม่กี่ครั้ง อาจจะไม่คุ้มครับ
- คำถาม : มีวิธีประหยัดค่าอาหารในญี่ปุ่นยังไงบ้าง?
- คำตอบ : มีหลายวิธีเลย เช่น :
- กินอาหารตามร้านสะดวกซื้อ (Lawson, 7-Eleven, FamilyMart)
- กินร้านอาหารท้องถิ่น (ร้านราเม็ง, ร้านข้าวหน้าเนื้อ, ร้านซูชิสายพาน)
- ซื้อวัตถุดิบจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาทำอาหารเอง (ถ้าพัก Airbnb)
- มองหา Lunch Set (มักจะราคาถูกกว่า)
- กินร้านอาหาร 100 เยน
- คำถาม : แลกเงินเยนที่ไหนเรทดีที่สุด?
- คำตอบ : เรทแลกเงินมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แนะนำให้เปรียบเทียบเรทจากหลาย ๆ ที่ก่อนแลก เช่น :
- ธนาคาร : บางธนาคารอาจจะมีโปรโมชั่น หรือเรทพิเศษสำหรับลูกค้า
- ร้านแลกเงิน : Superrich, Twelve Victory (ลองเช็คเรทดู)
- ใช้บัตร Travel Card : บางบัตรอาจจะได้เรทดีกว่าแลกเงินสด
- คำถาม : มีแอปอะไรแนะนำสำหรับเที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัดบ้าง?
- คำตอบ : มีหลายแอปเลยที่ช่วยให้เที่ยวญี่ปุ่นได้ง่ายและประหยัดขึ้น เช่น:
- Google Maps : ใช้สำหรับนำทาง, ค้นหาสถานที่, ดูรีวิวร้านอาหาร
- HyperDia : ใช้สำหรับวางแผนการเดินทางด้วยรถไฟ (คำนวณค่าเดินทาง, เช็คตารางเวลา)
- Japan Travel by NAVITIME : คล้าย ๆ HyperDia แต่มีฟีเจอร์อื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว
- GuruNavi : ใช้สำหรับค้นหาร้านอาหาร (มีเมนูภาษาอังกฤษ)
- Tabelog : ใช้สำหรับค้นหาร้านอาหาร (เน้นรีวิวจากคนญี่ปุ่น)
- แอปแปลภาษา : Google Translate, Microsoft Translator (ช่วยในการสื่อสาร)
- คำถาม : ต้องซื้อประกันการเดินทางไหม?
- คำตอบ : ขอแนะนำให้ซื้อประกันการเดินทาง เนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ การมีประกันจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น
- เจ็บป่วย/อุบัติเหตุ : ค่ารักษาพยาบาลในญี่ปุ่นค่อนข้างสูง
- เที่ยวบินล่าช้า/ยกเลิก : อาจได้รับการชดเชยค่าเสียหาย
- กระเป๋าเดินทางสูญหาย/ล่าช้า : ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อของใช้จำเป็น
- เอกสารเดินทางสูญหาย : ช่วยประสานงานและให้คำแนะนำ
Trip Japan Online : เพื่อนคู่ใจ เที่ยวญี่ปุ่นง่ายกว่าที่คิด

เคยไหมคะที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง? ไม่รู้จะไปที่ไหน? กินอะไร? พักที่ไหน? เดินทางยังไง? หรือกังวลว่าจะเจอเรื่องไม่คาดฝันระหว่างทริป? ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ถ้ามี Trip Japan Online เป็นเพื่อนคู่ใจ!
Trip Japan Online ไม่ได้เป็นแค่เว็บไซต์หรือแอปธรรมดา ๆ แต่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่รู้ใจเรื่องญี่ปุ่นมาก ๆ เพราะทีมงานของเราคือไกด์นำเที่ยวชาวไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นมานานกว่า 10 ปี! เรียกว่าคลุกคลีอยู่กับญี่ปุ่นจนรู้ลึก รู้จริง ทุกซอกทุกมุม
ทีมงานของเราเคยเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นมาแล้ว ทำให้รู้ว่าที่ไหนสวย ที่ไหนเด็ด ที่ไหนลับ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก แถมยังรู้เคล็ดลับการเดินทาง การกิน การช้อป ที่จะช่วยให้ทริปของคุณพิเศษกว่าใคร
ทำไมต้อง Trip Japan Online?
- รู้จริงเรื่องญี่ปุ่น : เพราะเรามีไกด์คนไทยที่อยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ ไม่ใช่แค่ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
- เปิดโลกมุมมองใหม่ : เราจะพาคุณไปสัมผัสสถานที่ Unseen ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
- แผนเที่ยว Personalized: ไม่ว่าคุณจะชอบเที่ยวแบบไหน เราก็จัดให้ได้ จะเที่ยวเอง หรือให้เราวางแผนให้ ก็เลือกได้ตามใจ
- หมดกังวลเรื่องการเดินทาง : เรามีคำแนะนำเรื่องการเดินทาง ที่พัก ที่กิน ที่ช้อป แบบละเอียด
- เที่ยวสนุก ปลอดภัย ไร้กังวล : เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือตลอดทริป
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวมือใหม่ หรือเคยไปญี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง Trip Japan Online ก็พร้อมที่จะเป็นเพื่อนคู่ใจ ช่วยให้ทริปญี่ปุ่นของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ

“ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไม่ได้ยากอย่างที่คิด! tripjapanonline พร้อมเป็นผู้ช่วยให้คุณเที่ยวญี่ปุ่นอย่างสนุก คุ้มค่า และประทับใจ!”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- japanrailpass : https://japanrailpass.net/en/
- jetro : https://www.jetro.go.jp/en/