เบื่อแพลนเที่ยวญี่ปุ่นแบบเดิม ๆ ที่มีแต่ในเมืองกันหรือยัง? โตเกียว โอซาก้า เกียวโต ก็สนุกนะ แต่เราเชื่อว่าลึก ๆ แล้วหลายคนอยากลองอะไรที่มัน “พิเศษ” และแตกต่างกว่านั้นใช่ไหม? ถ้าคำตอบคือใช่… งั้นทริปนี้เรามา “อัปเกรดแพลนเที่ยวญี่ปุ่น” ของเพื่อน ๆ กัน! Trip Japan Online อยากชวนเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ “คามิโคจิ (Kamikochi)” ชื่อที่อาจจะยังไม่คุ้นหู แต่เป็นหุบเขาที่สวยงามสุด ๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาเจแปนแอลป์ ลองนึกภาพตามนะ… ลืมความวุ่นวายในเมืองไปชั่วคราว แล้วพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีแต่อากาศเย็น ๆ ให้สูดได้เต็มปอด มีเสียงแม่น้ำที่ใสสะอาดไหลอยู่ข้าง ๆ และมีภาพเทือกเขาแอลป์สุดอลังการปรากฏอยู่ตรงหน้าแบบเต็ม ๆ ตา นี่แหละคือคามิโคจิ ประสบการณ์ธรรมชาติบำบัดที่แท้จริง

หลายคนอาจคิดว่าการไปเที่ยวสถานที่แบบนี้ด้วยตัวเองต้องยุ่งยากแน่ ๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันง่ายกว่าที่คิดเยอะ! บทความนี้คือคู่มือฉบับจับมือทำ ที่จะตอบทุกคำถามคาใจของเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไปเดือนไหนดี? เดินทางยังไง? หรือ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง? เพื่อให้คุณไปเหยียบเจแปนแอลป์ได้อย่างมั่นใจ ถ้าพร้อมจะเพิ่ม “ที่สุดของธรรมชาติ” เข้าไปในทริปญี่ปุ่นครั้งต่อไปของเพื่อน ๆ แล้ว… เลื่อนลงมาอ่านต่อได้เลย!
มาทำความรู้จัก “คามิโคจิ” ให้ลึกยิ่งขึ้นกันดีกว่า ในฐานะเพื่อนที่ไปมาแล้ว เราจะเล่าให้ฟังว่าทำไมที่นี่ถึงเป็นสถานที่ที่พิเศษสุด ๆ จนอยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง!
ทำความรู้จัก “คามิโคจิ (Kamikochi)”
เวลาเราพูดถึงญี่ปุ่น ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงคงเป็นแสงสีของโตเกียว ความคึกคักของโอซาก้า หรือวัดวาอารามเก่าแก่ในเกียวโตใช่ไหม? แต่เราอยากจะบอกว่าญี่ปุ่นมีอีกด้านหนึ่งที่สงบ สดชื่น และสวยงามจนแทบลืมหายใจซ่อนอยู่ และสถานที่แห่งนั้นก็คือ “คามิโคจิ (Kamikochi)”
คามิโคจิ (Kamikochi) คือที่ไหน?
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ “คามิโคจิ (Kamikochi)” คือหุบเขาสุดที่สวยที่สุดที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ในอ้อมกอดของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือของญี่ปุ่น อยู่ใน “จังหวัดนากาโน่ (Nagano)” และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชูบุซังกาคุ (Chubu Sangaku National Park) ที่นี่ไม่ใช่แค่สวนสาธารณะหรือภูเขาทั่วไปนะ แต่มันคือพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติระดับชาติที่ถูกดูแลอย่างดีที่สุด จนคนญี่ปุ่นเขาให้ฉายาที่นี่ไว้ได้ขลังสุด ๆ ว่า ‘ดินแดนที่เทพเจ้าลงมาประทับ’ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่าง “มัตสึโมโต้ (Matsumoto)” ในจังหวัดนากาโน่ และ “ทาคายามะ (Takayama)” ในจังหวัดกิฟุ (Gifu) ทำให้คามิโคจิเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนไปเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับจากทั้งสองเมืองนี้ได้สะดวก

แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกถึงความพิเศษแล้วใช่ไหม ที่นี่สมชื่อจริง ๆ เพราะทุกอย่างมันบริสุทธิ์ไปหมด ทั้งแม่น้ำ “อาซุสะ” ที่ใสจนมองเห็นก้อนหินทุกก้อนใต้น้ำ อากาศที่เย็นและสะอาดสดชื่น และภาพของทิวเขา “โฮทากะ” ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มันยิ่งใหญ่จนทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลงไปเลย ความพิเศษสุด ๆ ของที่นี่คือการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างเข้มงวดจริงจังขนาดที่ว่า “ห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปในพื้นที่โดยเด็ดขาด!” การเดินทางเข้าไปต้องใช้รถบัสหรือแท็กซี่ของอุทยานเท่านั้น ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำให้ธรรมชาติของที่นี่ยังคงความบริสุทธิ์ไว้ได้อย่างน่าทึ่ง การไปเที่ยวคามิโคจิเลยไม่ใช่แค่การไป “ดู” วิวสวย ๆ แต่มันคือการไป “สัมผัส” ประสบการณ์จริง ๆ มันคือการได้เดินช้าลง ฟังเสียงสายน้ำไหล ได้สูดอากาศดี ๆ ให้เต็มปอด และได้รู้สึกตัวเล็กลงท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
พูดง่าย ๆ ที่นี่คือ “ปุ่มรีเซ็ต” จากความวุ่นวายในเมืองที่ดีที่สุด
ไป “คามิโคจิ (Kamikochi)” เดือนไหนดี? เลือกช่วงเวลาที่ใช่สำหรับคุณ!
บอกตามตรงเลยว่าคำตอบไม่มีผิดมีถูก เพราะคามิโคจิสวยทุกฤดูจริง ๆ แต่มันสวยคนละแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อน ๆ อยากไปเห็นภาพแบบไหน หรือเป็นนักท่องเที่ยวสไตล์ไหนมากกว่า ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าอุทยานจะเปิดให้เราเข้าไปเที่ยวได้แค่ช่วง 17 เมษายน ถึง 15 พฤศจิกายน ของทุกปีเท่านั้น มาดูกันว่าแต่ละช่วงมีเสน่ห์ต่างกันยังไง แล้วเลือกช่วงเวลาที่ “ใช่” สำหรับคุณได้เลย!
ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเมษายน – พฤษภาคม)

นี่คือช่วงเวลาที่คามิโคจิเพิ่งตื่นจากการหลับใหลในฤดูหนาว เสน่ห์ของมันคือภาพตัดกันที่ลงตัวสุด ๆ เพื่อน ๆ จะได้เห็นหิมะสีขาวโพลนที่ยังคงสะสมอยู่บนยอดเขาโฮทากะอย่างหนาแน่น แต่เบื้องล่างนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ที่เริ่มผลิใบอ่อนเป็นสีเขียวสดใส แม่น้ำอาซุสะก็จะมีสีฟ้าที่ใสเป็นพิเศษเพราะเพิ่งได้น้ำที่ละลายจากหิมะมาเติมเต็ม อากาศยังคงเย็นสบาย มีความหนาวนิด ๆ ให้พอสดชื่น เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบอากาศร้อนและอยากเห็นวิว สวยๆ ที่มีเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)

ถ้าเพื่อน ๆ อยากหนีจากความร้อนระอุในเมือง ที่นี่คือสวรรค์ของเพื่อน ๆ เลย! ฤดูร้อนของคามิโคจิเป็นช่วงที่ธรรมชาติมีชีวิตชีวาถึงขีดสุด ป่าทั้งป่าจะเป็นสีเขียวชอุ่มสบายตา ดอกไม้ป่าต่าง ๆ จะพากันเบ่งบานอวดสีสัน ท้องฟ้ามักจะเปิดและเป็นสีครามสดใส ทำให้เห็นวิวเทือกเขาได้แบบชัดเจนเต็ม ๆ ตา อากาศเย็นสบายตลอดวัน เหมาะอย่างยิ่งกับการเดินป่าเทรลยาว ๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เป็นช่วงเวลาของการเติมพลังและความสดชื่นอย่างแท้จริง
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – กลางตุลาคม)

นี่คือช่วงเวลาซูเปอร์สตาร์ที่ทุกคนรอคอยและเป็นภาพจำของคามิโคจิเลยก็ว่าได้! ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป ทั้งหุบเขาจะค่อย ๆ เปลี่ยนสี กลายเป็นพรมสีทองอร่ามที่ถักทอจากใบของต้นคารามัตสึ (Karamatsu) และสีแดงส้มจากใบเมเปิ้ล โดยช่วงที่พีคที่สุดมักจะอยู่ราว ๆ สัปดาห์ที่สองและสามของเดือนตุลาคม ใครเป็นสายถ่ายรูป บอกเลยว่านี่คือช่วงเวลาของคุณ คุณจะได้ภาพสวยเหมือนโปสการ์ดกลับไปแน่นอน แต่ก็ต้องทำใจนิดหน่อยว่านี่จะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวคึกคักและหนาแน่นที่สุดของปีเช่นกัน
ปลายฤดูใบไม้ร่วง (ปลายตุลาคม – กลางพฤศจิกายน)

เมื่อความคึกคักของช่วงใบไม้เปลี่ยนสีผ่านไป คามิโคจิจะกลับเข้าสู่โหมดเงียบสงบอีกครั้ง ใบไม้อาจร่วงโรยไปเกือบหมดแล้ว เผยให้เห็นโครงสร้างของกิ่งก้านและลำต้นที่สวยงามไปอีกแบบ แต่สิ่งที่ทดแทนเข้ามาคือ “เสน่ห์ของความสงบ” และความเป็นส่วนตัว อากาศจะเริ่มหนาวเย็นลงอย่างชัดเจน และถ้าโชคดี เพื่อน ๆ อาจจะได้เป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่ได้เห็นหิมะแรกของปีโปรยปรายลงมา เป็นการส่งท้ายฤดูกาลท่องเที่ยวที่งดงามและน่าประทับใจ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย และอยากฟังเสียงลมหายใจของธรรมชาติอย่างแท้จริง
ช่วงเวลา | ไฮไลท์ | เหมาะกับใคร | เหมาะกับใคร |
---|---|---|---|
ปลายเม.ย. – พ.ค. | หิมะบนยอดเขา, น้ำสีฟ้าใส, ใบไม้อ่อน | สดชื่น อากาศเย็น เดินสบาย | 5°C – 15°C |
มิ.ย. – ส.ค. | ธรรมชาติเขียวขจี, ท้องฟ้าสีครามสดใส | มีชีวิตชีวา เหมาะกับสายเดินป่า | 15°C – 25°C |
ก.ย. – กลาง ต.ค. | ใบไม้เปลี่ยนสี (พีคสุด!) | โรแมนติก เหมาะกับสายถ่ายรูป | 10°C – 20°C |
ปลาย ต.ค. – 15 พ.ย. | บรรยากาศเงียบสงบ, อาจมีหิมะแรก | ส่วนตัว สำหรับคนรักความสงบ | 5°C – 15°C |
วิธีเดินทางไปคามิโคจิ (Kamikochi)
ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการเดินทาง เราขอตอกย้ำกฎเหล็กข้อที่สำคัญที่สุดอีกครั้ง “ห้ามขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปในพื้นที่คามิโคจิเด็ดขาด!” ย้ำอีกครั้งนะว่า “ห้าม!” นี่ไม่ใช่แค่คำแนะนำ แต่มันคือ “กฎ” เพื่อรักษาระบบนิเวศอันเปราะบางของที่นี่ไว้ให้สวยงามเหมือนเดิมไปนาน ๆ การที่เราต้องลำบากขึ้นอีกนิดเพื่อไปเจอกับความงามที่บริสุทธิ์แบบนี้ มันคุ้มค่านะ
วิธีที่ 1 : เดินทางด้วยรถสาธารณะ
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและยอดนิยมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เพราะเพื่อน ๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่พาตัวเองไปให้ถึงเมืองที่เป็นเหมือนประตูสู่คามิโคจิ (Kamikochi) แล้วก็ซื้อตั๋วรถบัสต่อไปได้เลย
จากโอซาก้า (Osaka) / จากโตเกียว (Tokyo)
- รถบัสสายตรง (สะดวกที่สุด)
- มีรถบัส “Sawayaka Shinshu Express Bus” วิ่งตรงจากสถานีขนส่ง Shinjuku Bus Terminal (ใกล้สถานี JR Shinjuku) ไปยัง Kamikochi Bus Terminal เลย
- มีทั้งรอบเช้า (ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง) และรอบกลางคืน (นอนบนรถ ตื่นมาถึงตอนเช้า)
- สะดวกมาก ไม่ต้องเปลี่ยนรถ ต่อเดียวถึง
- รถไฟ
- นั่งรถไฟ JR Limited Express Azusa จากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานีมัตสึโมโต้ (Matsumoto Station) (ใช้เวลาประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมง)
- จากสถานีมัตสึโมโต้ ให้ต่อรถไฟสายคามิโคจิ (Kamikochi Line) ไปลงที่สถานีชินชิมะชิมะ (Shin-Shimashima) แล้วต่อรถบัสเข้าไปยังคามิโคจิ
- มีรอบรถไฟให้เลือกเยอะกว่า ทำให้วางแผนได้ดีกว่าจาก โอซาก้า (Osaka) / เกียวโต (Kyoto)
- รถบัสสายตรง
- มีรถบัสสายตรงของบริษัท Alpico วิ่งจากโอซาก้า (สถานี Umeda หรือ Shin-Osaka) และเกียวโต ไปยังคามิโคจิโดยตรง
- เช่นเดียวกับโตเกียว มีทั้งรอบกลางวันและรอบกลางคืน (นอนบนรถ)
- เป็นวิธีที่สะดวกและคุ้มค่าที่สุดจากโอซาก้า ไม่ต้องต่อรถให้วุ่นวาย
จากนาโกย่า (Nagoya)
- รถบัสสายตรง (มีเฉพาะช่วงฤดูร้อน)
- มีรถบัสของบริษัท Meitetsu Bus วิ่งตรงจากนาโกย่าไปยังคามิโคจิ แต่โดยปกติจะให้บริการเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคมเท่านั้น
- รถบัส (ต่อไปทาคายามะ)
- นั่งรถบัสจากนาโกย่าไปลงที่ทาคายามะ (Takayama) ก่อน (ใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง)
- จากสถานีขนส่ง Takayama Nohi Bus Center ให้ต่อรถบัสไปที่ฮิรายุออนเซ็น (Hirayu Onsen) (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
- จากฮิรายุออนเซ็น จะมีรถบัสวิ่งต่อไปยังคามิโคจิอีกประมาณ 25 นาที
จากมัตสึโมโต้ (Matsumoto)
- รถบัสสายตรง “National Park Liner”: มีวิ่งวันละ 2 รอบตอนเช้า แต่ต้องจองล่วงหน้า
- รถไฟ + รถบัส : เป็นวิธีมาตรฐาน คือนั่งรถไฟสายคามิโคจิจากสถานีมัตสึโมโต้ไปลงที่สถานีชินชิมะชิมะ แล้วต่อรถบัสเข้าไป
จากทาคายามะ (Takayama)
- รถบัส : นั่งรถบัสของบริษัท Nohi Bus จากสถานี Takayama Nohi Bus Center ไปลงที่ฮิรายุออนเซ็น (Hirayu Onsen) จากนั้นต่อรถบัสอีกทอดหนึ่งเพื่อเข้าสู่คามิโคจิ เป็นเส้นทางที่สะดวกและมีรถวิ่งค่อนข้างบ่อย
นอกจากนี้ ในช่วงพีคซีซั่นยังมีรถบัสรอบกลางคืนวิ่งตรงจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียว (ชินจูกุ) หรือโอซาก้าไปยังคามิโคจิเลยด้วยนะ เรียกว่าหลับบนรถ ตื่นมาก็เจอวิวสวย ๆ เลย
วิธีที่ 2 : เช่ารถขับ (แนะนำ!)
สำหรับเพื่อน ๆ ที่รักอิสระ อยากจัดตารางเที่ยวเอง หรือมีแพลนจะไปเที่ยวเมืองอื่น ๆ ในแถบเจแปนแอลป์ด้วย เช่น หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ หรือไปชิมเนื้อฮิดะที่ทาคายามะ การ “เช่ารถขับ” คือตัวเลือกที่จะทำให้ทริปของเพื่อน ๆ สนุกและมีอิสระมากขึ้นอีกสิบเท่า! แล้วจะทำยังไงในเมื่อเขาห้ามขับรถเข้าไป? ง่ายมาก! เพื่อน ๆ แค่ขับรถที่เช่ามา ไปยัง “ลานจอดรถเฉพาะ” ที่เขากำหนดไว้ซึ่งอยู่นอกพื้นที่อุทยาน
- ถ้ามาทางมัตสึโมโต้ ให้ตั้ง GPS ไปที่ลานจอดรถซาวันโดะ (Sawando Parking Area)
- ถ้ามาทางทาคายามะ ให้ตั้ง GPS ไปที่ลานจอดรถฮิรายุ (Hirayu Parking Area)
จากลานจอดรถเหล่านี้ เพื่อน ๆ ก็แค่ซื้อตั๋วรถ Shuttle Bus หรือจะเรียกแท็กซี่ก็ได้ เพื่อนั่งต่อเข้าไปยังคามิโคจิ (Kamikochi) อีกประมาณ 20-30 นาทีเท่านั้นเอง ง่ายใช่ไหม ข้อดีของการเช่ารถคือคุณไม่ต้องกังวลเรื่องตารางรถไฟหรือรถบัสมากนัก อยากจะแวะถ่ายรูปที่ไหน หรือเปลี่ยนแพลนกะทันหันก็ทำได้เลย มันคืออิสระที่แท้จริงของการเดินทางอยากให้ทริปญี่ปุ่นของเพื่อน ๆ พิเศษและสะดวกสบายกว่าที่เคยใช่ไหม?

Trip Japan Online พร้อมให้คำแนะนำและช่วยวางแผนการเดินทางให้ทริปของเพื่อน ๆ สมบูรณ์แบบที่สุด
เส้นทางแนะนำสำหรับเดินในคามิโคจิ (Kamikochi)

เส้นทางที่ 1 : สายคลาสสิก “เก็บครบทุกไฮไลท์” (Taisho Pond → Kappa Bridge)
เส้นทางนี้เหมาะที่สุดสำหรับ “คนไปครั้งแรก” หรือมีเวลาจำกัด (ประมาณ 2-3 ชั่วโมง) เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดและเดินง่ายมาก
- แผนการเดิน :
- จุดเริ่มต้น (ต้องทำ!) : นั่งบัสไปลงที่ป้าย “บึงไทโช” (Taisho Pond) ตามแผนที่เลย
- ช่วงที่ 1 (20 นาที) : จากบึงไทโช เดินชิลล์ ๆ ตามทางเลียบแม่น้ำไปยัง “บึงทาชิโระ” (Tashiro Pond) จุดนี้วิวสวยมาก
- ช่วงที่ 2 (20 นาที) : เดินต่อจากบึงทาชิโระมายัง “สะพานทาชิโระ” (Tashiro Bridge) และ “สะพานโฮทากะ” (Hotaka Bridge)
- ช่วงที่ 3 (30 นาที) : จากสะพาน เดินผ่านสวนนาคาโนเสะ (Nakanose Park) ก็จะมาถึงโซนกลางที่เป็นที่ตั้งของ “สถานีขนส่งคามิโคจิ” (Kamikochi Bus Terminal)
- จุดหมายปลายทาง (5 นาที) : เดินอีกนิดเดียวจากสถานีขนส่งก็จะถึง “สะพานคัปปะ” (Kappa Bridge) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางที่มีร้านอาหาร ร้านค้า และเป็นจุดถ่ายรูปมหาชนค
เส้นทางที่ 2 : สายแอดเวนเจอร์ “ลูปบึงเมียวจิน” (Kappa Bridge → Myojin Pond → Kappa Bridge)
สำหรับคนที่ฟิตขึ้นมาอีกนิดและมีเวลามากขึ้น (รวมแล้วประมาณ 4-5 ชั่วโมง) ผมแนะนำให้เดินต่อไปยัง “บึงเมียวจิน” เพื่อสัมผัสความสงบที่แท้จริง
- แผนการเดิน (เริ่มจากสะพานคัปปะ) :
- ขาไป – เส้นทางฝั่งซ้าย (Left Bank Path – 50 นาที) : จากแผนที่ แนะนำให้เดินเลียบฝั่งซ้ายของแม่น้ำ (เมื่อหันหน้าไปทางภูเขา) เส้นทางนี้จะร่มรื่นกว่า เป็นทางเดินในป่า
- ณ จุดหมาย : ถึง “บึงเมียวจิน” (Myojin Pond) และ “สะพานเมียวจิน” (Myojin Bridge) แวะชมความงามอันศักดิ์สิทธิ์ของบึง (มีค่าเข้าชมบริเวณบึง)
- ขากลับ – เส้นทางฝั่งขวา (Right Bank Path – 60 นาที) : เดินกลับอีกฝั่งของแม่น้ำ เส้นทางนี้จะเลียบแม่น้ำอาซุสะมากกว่า ทำให้เห็นวิวแม่น้ำและภูเขาได้ชัดเจนตลอดทาง
เส้นทางที่ 3 : สายแข็ง “สู่ใจกลางธรรมชาติ” (Myojin Pond → Tokusawa → Yokoo)
เส้นทางนี้สำหรับนักเดินป่าตัวจริงที่ต้องการความท้าทายและอยากเห็นธรรมชาติที่ลึกและดิบยิ่งขึ้น
- แผนการเดิน (ต่อจากบึงเมียวจิน) :
- บึงเมียวจิน → โทคุซาวะ (Tokusawa – 60 นาที / 3.0 กม.) : เดินต่อไปยังทุ่งหญ้ากว้าง “โทคุซาวะ” ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ บรรยากาศจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คนน้อยลง และรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
- โทคุซาวะ → โยโคโอะ (Yokoo – 70 นาที / 3.5 กม.) : เดินทางต่อไปยัง “โยโคโอะ” (Yokoo) ที่นี่ถือเป็น “ประตูสู่การปีนเขา本格的な” อย่างแท้จริง เป็นจุดสุดท้ายที่นักท่องเที่ยวทั่วไปจะเดินถึง และเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางปีนเขาสู่ยอดเขาต่าง ๆ เช่น “ยาริงาทาเกะ (Mt. Yari)”
- เส้นทางตั้งแต่ Taisho Pond จนถึง Myojin Pond เป็นทางเดินที่ค่อนข้างเรียบและดี สามารถใส่รองเท้าผ้าใบเดินได้
- เส้นทางที่ลึกเข้าไปจาก Myojin Pond สู่ Tokusawa และ Yokoo เป็นเส้นทางเดินป่าจริงจัง “ควรใช้รองเท้าเดินป่าโดยเฉพาะ” และต้องมีเวลาและสภาพร่างกายที่พร้อม
ลองเลือกเส้นทางที่เหมาะกับสไตล์และเวลาของเพื่อน ๆ ได้เลย รับรองว่าไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน คามิโคจิก็จะมอบความทรงจำที่ยอดเยี่ยมให้เพื่อน ๆ แน่นอน!
ข้อห้ามและสิ่งที่ต้องรู้ เที่ยวคามิโคจิ (Kamikochi) อย่างปลอดภัย
เพื่อให้การเดินทางของเพื่อน ๆ ราบรื่นและเป็นการท่องเที่ยวที่ช่วยกันดูแลรักษาสถานที่อันแสนพิเศษแห่งนี้ นี่คือสิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องรู้และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
กฎพื้นฐานสำหรับการเที่ยวในช่วงเปิดฤดูกาล (เม.ย. – พ.ย.)

กฎเหล่านี้เป็นเหมือนมารยาทสากลที่เราควรปฏิบัติเพื่อช่วยกันรักษาสวรรค์บนดินแห่งนี้ไว้
- นำขยะทั้งหมดกลับบ้าน : ที่คามิโคจิ “ไม่มีถังขยะ” ดังนั้น ขยะทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ถุงขนม เศษอาหาร หรือแม้แต่ก้นบุหรี่ ต้องถูกเก็บใส่ถุงและนำกลับไปทิ้งในเมืองเท่านั้น
- ห้ามให้อาหารสัตว์ป่าโดยเด็ดขาด : แม้คุณจะเจอน้องลิงหรือน้องเป็ดที่น่ารักขนาดไหน การให้อาหารจะทำลายสัญชาตญาณตามธรรมชาติและอาจเป็นอันตรายต่อพวกมันได้
- ห้ามเก็บพืชพรรณหรือจับสัตว์ป่า : ทุกสิ่งมีชีวิตในคามิโคจิได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย การเก็บดอกไม้ใบไม้ หรือจับสัตว์ใดๆ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
- เดินบนเส้นทางที่กำหนดเท่านั้น : โปรดเดินบนทางเดินไม้หรือเส้นทางที่จัดไว้ให้ เพื่อไม่ให้ไปเหยียบย่ำทำลายระบบนิเวศที่เปราะบาง เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำหรือทุ่งมอสส์
- ตั้งแคมป์และก่อไฟในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น : สำหรับสายแคมป์ปิ้ง ต้องกางเต็นท์และก่อกองไฟในบริเวณที่อุทยานกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและป้องกันไฟป่า
- ช่วยกันประหยัดและรักษาแหล่งน้ำ : น้ำจืดเป็นทรัพยากรที่มีค่า โดยเฉพาะในพื้นที่สูง โปรดใช้น้ำอย่างประหยัดและไม่ทิ้งสิ่งสกปรกลงในแม่น้ำลำธาร
- ห้ามขว้างก้อนหินลงน้ำ : การโยนหินลงในแม่น้ำหรือบึงอาจรบกวนและเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตใต้น้ำได้
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม (กรณีฉุกเฉิน) :
แผนกส่งเสริมการท่องเที่ยวภูเขาเมืองมัตสึโมโต้ (Matsumoto City Mountain Tourism Division)
โทรศัพท์ : 0263-94-2307
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำใกล้เคียงคามิโคจิ (Kamikochi)
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ “คามิโคจิ (Kamikochi)”
- ถาม : รถบัสเที่ยวสุดท้ายออกจากคามิโคจิกี่โมง?
- ตอบ : เวลาของรถบัสเที่ยวสุดท้ายจะแตกต่างกันไปตามเส้นทางและช่วงเวลาของปี แต่โดยทั่วไปแล้ว รถบัสเที่ยวสุดท้ายที่มุ่งหน้าออกจาก Kamikochi Bus Terminal ไปยังลานจอดรถซาวันโดะหรือฮิรายุออนเซ็นจะอยู่ที่ประมาณ 17:30 น. (5:30 PM) อย่างไรก็ตามเพื่อน ๆ ต้องตรวจสอบตารางเวลาล่าสุดในวันที่เพื่อน ๆ เดินทางเสมอ เพื่อป้องกันการพลาดรถเด็ดขาด!
- ถาม : มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้างสำหรับนักท่องเที่ยวไปเช้าเย็นกลับ?
- ตอบ : สะดวกสบายหายห่วง โดยเฉพาะบริเวณสถานีขนส่งคามิโคจิ (Kamikochi Bus Terminal) และสะพานคัปปะ (Kappa Bridge) จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่: ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว (Information Centers) ห้องน้ำสาธารณะ (บางที่มีค่าบริการเล็กน้อย) ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายซอฟต์ครีม ร้านขายของที่ระลึกและขนม ที่ทำการไปรษณีย์
- ถาม : มีที่ซื้อของสำหรับตั้งแคมป์ไหม?
- ตอบ : มี! สำหรับสายแคมป์ปิ้ง ที่ลานตั้งแคมป์โคนะชิไดระ (Konashidaira Campsite) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสะพานคัปปะ มีร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าหลากหลายพอสมควร ทั้งผักสด เนื้อแช่แข็ง ข้าวสาร และเครื่องปรุงต่างๆ สำหรับการทำอาหาร นอกจากนี้ร้านค้าทั่วไปบริเวณ Bus Terminal ก็มีขายขนมและอาหารสำเร็จรูปเล็กน้อย
- ถาม : สภาพอากาศเป็นอย่างไร ควรแต่งตัวแบบไหน?
- ตอบ : อากาศที่คามิโคจิจะเย็นกว่าในเมืองเสมอและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ฤดูใบไม้ผลิ/ปลายฤดูใบไม้ร่วง (พ.ค. / ต.ค. – พ.ย.) อากาศหนาวเย็น ควรใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้น (layering) มีเสื้อฟลีซ และเสื้อกันลม/กันฝนด้านนอก ฤดูร้อน (มิ.ย. – ส.ค.) กลางวันอากาศเย็นสบาย แต่อาจจะร้อนขึ้นได้ถ้าแดดจัด ควรเตรียมเสื้อแจ็คเก็ตบางๆ ไว้เผื่อ และอาจมีฝนตกได้ ควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนไปด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุด รองเท้าที่ใส่สบายและเหมาะกับการเดิน เพราะเพื่อน ๆ จะต้องเดินเยอะ
- ถาม : มีสัญญาณมือถือหรือ Wi-Fi ไหม?
- ตอบ : สัญญาณมือถืออาจมีเป็นบางจุดและไม่ค่อยเสถียรนัก โดยเฉพาะเมื่อเดินลึกเข้าไปในเส้นทางธรรมชาติ ส่วน Wi-Fi ฟรีอาจมีให้บริการตามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหรือโรงแรมบางแห่ง แต่ไม่ครอบคลุมทั้งพื้นที่ แนะนำให้ดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์หรือข้อมูลที่จำเป็นไว้ในมือถือก่อนเดินทาง
- ถาม : ใช้บัตรเครดิตได้ไหม?
- ตอบ : ร้านอาหารและโรงแรมใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่รับบัตรเครดิต แต่ร้านค้าเล็ก ๆ ร้านขายของที่ระลึก หรือค่ารถบัสบางส่วนอาจต้องใช้เงินสด แนะนำให้พกเงินสดติดตัวไปด้วยจะสะดวกที่สุด
- ถาม : คามิโคจิเปิดเมื่อไหร่?
- ตอบ: โดยทั่วไปคามิโคจิจะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน ถึง 15 พฤศจิกายน ของทุกปี และจะปิดทำการอย่างสมบูรณ์ในช่วงฤดูหนาวหลังจากวันที่ 15 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
- ถาม : ฉันสามารถเข้าอุทยานในฤดูหนาวได้ไหม?
- ตอบ : ไม่ได้ (สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป) ในช่วงฤดูหนาว (กลางเดือนพฤศจิกายน – กลางเดือนเมษายน) อุทยานจะปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ร้านค้า โรงแรม และรถบัสทั้งหมดจะหยุดวิ่ง การเข้าไปในพื้นที่ช่วงนี้ “มีความเสี่ยงสูงและอันตรายมาก” จากหิมะถล่ม สงวนไว้สำหรับนักปีนเขาที่มีประสบการณ์และเตรียมอุปกรณ์มาอย่างดีเท่านั้น ซึ่งต้องยื่นเอกสารลงทะเบียนก่อนเข้าพื้นที่และต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง
- ถาม : มีที่ซื้ออาหาร/วัตถุดิบสำหรับตั้งแคมป์ไหม?
- ตอบ : มี แต่มีจำกัด ที่ลานตั้งแคมป์โคนะชิไดระ (Konashidaira Campsite) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสะพานคัปปะ มีร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าเบื้องต้นสำหรับการแคมป์ปิ้ง เช่น แก๊สกระป๋อง, อาหารแห้ง, เครื่องดื่ม และวัตถุดิบบางอย่าง แต่เพื่อความหลากหลายและครบถ้วน แนะนำให้เตรียมมาจากในเมืองจะดีที่สุด
จากจุดเริ่มต้นที่เราได้ทำความรู้จักกับ “ดินแดนของเทพเจ้า” แห่งนี้ ไปจนถึงการเลือกช่วงเวลาที่ใช่ วิธีการเดินทางที่สะดวก และเส้นทางเดินเที่ยวที่น่าประทับใจ เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนคงเห็นภาพความงดงามและเข้าใจแล้วว่าทำไมคามิโคจิถึงเป็นจุดหมายในฝันของนักเดินทางทั่วโลก
คามิโคจิไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นประสบการณ์ที่จะอยู่ในความทรงจำของเพื่อน ๆ ไปอีกนาน… เสียงของสายน้ำอาซุสะที่ไหลอยู่ข้าง ๆ อากาศที่บริสุทธิ์เย็นสบาย และภาพของเทือกเขาโฮทากะที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ทั้งหมดนี้คือรางวัลที่คุ้มค่ากับการเดินทางอย่างแน่นอน
ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือของเพื่อน ๆ แล้ว ที่เหลือก็แค่ก้าวแรกของการลงมือวางแผนเท่านั้น การเตรียมตัวอาจจะดูมีรายละเอียดอยู่บ้าง แต่ความทรงจำอันล้ำค่าที่เพื่อน ๆ จะได้รับกลับมานั้นประเมินค่าไม่ได้เลย
และเพื่อให้การเดินทางของเพื่อน ๆ สมบูรณ์แบบและไร้กังวลที่สุด…
อยากเที่ยวญี่ปุ่นในแบบที่ไม่เหมือนใคร? ให้เราปลดล็อกประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ!
เบื่อไหมกับการเที่ยวตามรอยที่ใคร ๆ ก็ไป? กังวลใจกับแพลนที่ยุ่งเหยิง? หรืออยากสัมผัสญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งกว่าที่เคย?
ที่ TRIP JAPAN ONLINE เราไม่ใช่แค่จัดแพลนเที่ยวญี่ปุ่น แต่เราคือ “เพื่อนสนิทที่เชี่ยวชาญเรื่องญี่ปุ่น” ที่พร้อมจะออกแบบและดูแลทริปในฝันของคุณให้เป็นจริง ตั้งแต่ก้าวแรกที่วางแผน จนถึงวันที่คุณเดินทางกลับมาพร้อมความทรงจำที่ประทับใจไม่รู้ลืม
เราจะเปลี่ยนทริปญี่ปุ่นของเพื่อน ๆ ให้พิเศษกว่าเดิมได้อย่างไร?

1. บริการเช่ารถขับเที่ยว ลืมตารางทัวร์ที่เร่งรีบไปได้เลย! ลองจินตนาการถึงการขับรถไปบนถนนสายชนบทที่สวยงาม อยากแวะคาเฟ่ริมทางน่ารัก ๆ หรือจอดถ่ายรูปกับวิวภูเขาที่สวยจนตะลึง… เพื่อน ๆ ทำได้ทั้งหมด! เราให้บริการเช่ารถส่วนตัว และรถตู้พร้อมคนขับที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย มีประกันครบวงจร ให้คุณเป็นเจ้าของทุกเส้นทางในทริปของเพื่อน ๆ
2. เที่ยวเหมือนมือโปร ด้วยแพลนเที่ยวฉบับส่วนตัว ไม่ต้องปวดหัวกับข้อมูลมหาศาล หรือเสียเวลาจัดแพลนเป็นเดือนๆ อีกต่อไป! ทีมงาน Trip Planner ของเราพร้อมที่จะรังสรรค์ แผนการท่องเที่ยว (Trip Plan) ที่เป็นของตัวเองโดยเฉพาะ เจาะลึกทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสายกิน สายช้อป สายธรรมชาติ หรือสายวัฒนธรรม เราจัดให้ครบ จบในแพลนเดียว!
3. อุ่นใจทุกเส้นทาง เหมือนมีเพื่อนสนิทนำทาง ปัญหาเรื่องภาษา? เรื่องฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด? ไม่ต้องกังวล! เรามีบริการประสานงานและช่วยเหลือ ที่เปรียบเสมือนเพื่อนที่เดินทางอยู่ข้าง ๆ เพื่อน ๆ คอยให้คำปรึกษาและดูแลเพื่อน ๆตลอดทริป ทำให้อุปสรรคทุกอย่างกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย
4. ลายแทงร้านลับและสถานที่สุดพิเศษ อยากกินราเมนร้านที่คนท้องถิ่นต่อคิว? หรือไปเยือนจุดชมวิวที่ไม่มีในไกด์บุ๊ก? เราพร้อมมอบ คำแนะนำสุด Exclusive ที่จะพาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นในมุมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่เคยเห็น นี่คือประสบการณ์ที่จะทำให้ทริปของคุณโดดเด่นและน่าจดจำอย่างแท้จริง
ไม่ว่าทริปของคุณจะเป็นแบบไหน… เราพร้อมทำให้มันเกิดขึ้น
- ทริปคู่รัก : สร้างโมเมนต์แสนโรแมนติกในโลเคชั่นส่วนตัว
- ทริปครอบครัว : เดินทางสะดวกสบาย ปลอดภัย มีความสุขกันได้ทุกวัย
- ทริปแก๊งเพื่อน : สนุกสุดเหวี่ยงในทุกกิจกรรมที่อยากทำ
พร้อมจะสร้างสรรค์ทริปญี่ปุ่นในฝันที่สะท้อนความเป็นตัวคุณแล้วหรือยัง?

ทักมาคุยกับเราได้เลย! ให้ TRIP JAPAN ONLINE เป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการเดินทางครั้งนี้ของเพื่อน ๆ
- Mushroom Travel : https://www.mushroomtravel.com
- Alpico Group : https://visit-nagano.alpico.co.jp
- Japan National Tourism Organization (JNTO) : https://www.japan.travel